“เนตร นาคสุข” แจงสั่งไม่ฟ้อง “บอส วรยุทธ” พร้อมให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ที่ประชุมกรรมาธิการการกฎหมายฯ มี ‘สิระ เจนจาคะ’ เป็นประธาน เชิญมาซักถามและให้ข้อเท็จจริง โดยหนึ่งในคนที่เดินทางมา คือ ‘เนตร นาคสุข’ รองอัยการสูงสุดที่ลงนามคำสั่งนี้ โดยนายเนตร พร้อมให้ ป.ป.ง.ตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพื่อความโปร่งใส่ ซึ่งประเด็นที่นายถูกซักถามมากที่สุด คือ บทบาทกรรมาธิการการกฎหมายฯของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีอิทธิพลต่อทิศทางคดีนี้หรือไม่ ซึ่งนายเนตรตอบคำถามนี้ไม่ชัดเจน จนทำให้นายสมัคร เชาวภานันท์ ทนายความของนายบอส วรยุทธ ที่เดินทางมาด้วย ต้องขอแทรกตอบคำถามแทน ทำให้การประชุมวันนี

'เนตร นาคสุข'ปรากฏตัว​ ยันหลักฐานชัด 'บอส' ไม่ซิ่ง แต่ 'ด.ต.' เปลี่ยนเลน เชื่อ 'พล.อ.ท.'

เปิดเหตุผล 'เพิ่มพูน​ ชิดชอบ'​ รอดคนเดียว​ อีก ​15​ ตร.ทำคดี​ 'บอส'​บกพร่อง​ ฟันยกชุด!

เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2563 วงประชุมกรรมาธิการการกฎหมายฯ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสิระ เจนจาคะ เป็นประธาน วันนี้ได้เชิญผู้เกี่ยวข้องโดยตรงกับคดีบอส วรยุทธมาชี้แจง และมีหลายตอบรับเดินทางมา ประกอบด้วย นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด คนลงนามสั่งไม่ฟ้อง บอส วรยุทธ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คนลงนามไม่เห็นแย้งคำสั่งของอัยการ นายสมัคร เชาวภานันท์ ทนายความของบอส วรยุทธ  และเป็นอดีตสมาชิกวุฒิสภา ที่กำลังถูกครหาว่า ใช้ความคุ้นชินในช่องทางของฝ่ายนิติบัญญัติวิ่งเต้นคนที่เคยรู้จักสนิทสนมช่วยเหลือนายบอส วรยุทธหรือไม่  นอกจากนี้ยังไม่ พ.ต.อ.ธนสิทธิ แตงจั่น ซึ่งเคยทำหน้าที่ในชุดพิสูจน์หลักฐานและคำนวณความเร็วรถของ บอส วรยุทธ แต่มีลักษณะของการความเห็นไปมาในภายหลัง  

โดยหนึ่งในคนที่ที่ประชุมกรรมาธิการการกฎหมายฯสภาผู้แทนฯให้ความสนใจอย่างมาก คือ นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด เพราะถูกยิงคำถามหลายประเด็นจากหลายคนตั้งแต่วงประชุมเริ่ม โดยเฉพาะความเห็นและข้อมูลที่กรรมาธิการการกฎหมาย ในยุคสนช. ส่งมา มีอิทธิพลต่อทิศทางคดีหรือไม่ โดยนายเนตร ยอมรับว่า ยื่นหนังสือลาออกจากราชการตั้งแต่วัน 11 สิงหาคมที่ผ่านมา หลังจากรับราชการมา 40 ปี ซึ่งการถูกสังคมกดดันในคดีบอส วรยุทธ มีผลต่อการตัดสินใจ และที่สำคัญรู้สึกไม่สบายใจที่ทำให้องค์กรของตัวเองคืออัยการถูกวิจารณ์อย่างหนัก แต่ยืนยันว่า การสั่งของตัวเองเป็นไปตามอำนาจและขั้นตอนอย่างถูกต้อง เพราะหลังจากอ่านสำนวนคดี 40 แฟ้ม ไม่มีข้อมูลความเร็ว 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมงปรากฏในสำนวนเลย

นายเนตร  กล่าวต่อว่า นอกจากนั้น พ.ต.ท.ธนสิทธิ แตงจั่น (ยศขณะนั้น) ตำรวจที่รับผิดชอบพิสูจน์ความเร็วรถก็ให้การโดยให้น้ำหนักกับความเร็ว 76 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และพยาน 2 ปาก คือนายจารุชาติ มาดทองและพล.อ.ท.จักชกฤช ถนอมกุลบุตร  ก็ให้การไปในทิศทางเดียวกัน โดย พล.อ.ท.จักชกฤช เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จึงมีความน่าเชื่อถือ แม้จะปรากฎในสำนวนคดีเข้ามาในตอนกลางๆหลังจากเกิดเหตุการณ์ก็ตาม  จึงยืนยันว่า ได้สั่งคดีตามรายละเอียดในสำนวน และพร้อมจะให้ป.ป.ง.ตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพื่อความโปร่งใส  

นายเนตร ยังชี้แจงว่า การทำหน้าที่ในคดีนี้ ไม่มีใบสั่ง เพราะคดีลักษณะนี้ตรงกับความรับผิดชอบของตัวเอง โดยระหว่างชี้แจง กรรมาธิการการกฎหมายฯ พยายามถามถึงสาเหตุที่สำนวนคดีในการสั่งไม่ฟ้อง บอส วรยุทธ มีความสอดคล้องกับความเห็นและข้อเท็จจริงของรายงานกรรมาธิการการกฎหมายฯสนช. ว่า แท้จจริงแล้ว สนช.มีอิทธิพลต่อการใช้ดุลยพินิจของนายเนตรหรือไม่ เรื่องนี้นายเนตร ไม่ได้ตอบคำถามตรง ๆ แต่อธิบายว่า สนช.ถือเป็นผู้แทนประชาชนในช่วงนั้น  เมื่อส่งเรื่องนี้ก็ต้องมีการสอบสวนตามขั้นตอน นั่นหมายความว่า มีการสอบสวนข้อเท็จจริงเพิ่ม ซึ่งข้อเท็จจริงได้กลับมาอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น   

ทั้งนี้ เมื่อนายเนตรอธิบายเช่นนี้ ในห้องประชุมต่างสงสัยว่า การร้องขอความเป็นธรรมผ่านกลไกสนช.ถือว่าเป็นปกติหรือไม่ จนกระทั่งนายสมัคร เชาวภานันท์  ทนายความของนายบอส วรยุทธ ยกมือขออธิบายแทรกในช่วงนี้ โดยระบุว่า หลังกรรมาธิการการกฎหมายฯสนช. มีผลสอบข้อเท็จจริงส่งไปยังอัยการและพบว่า นายบอส วรยุทธ ไม่ได้ประมาทจากเรื่องความเร็วที่คำนวณได้ใหม่ ตนในฐานะทนายความของนายบอส ก็จำเป็นต้องทำให้ข้อเท็จจริงส่วนนี้ไปอยู่ในสำนวนคดีให้ได้ เพราะไม่เช่นนั้นก็จะไม่เป็นประโยชน์ต่อการสู้คดีของลูกความ จึงส่งหนังสือให้อัยการสั่งสอบเพิ่มตามแนวทางกมธ.สนช. จึงเป็นที่มาให้สำนวนคดีที่สั่งไม่ฟ้อง สอดคล้องกับข้อมูลที่เกิดขึ้นในกลไกของกมธ.สนช. 

หลังจบประเด็นนี้ที่ประชุมกรรมาธิการขอมติที่ประชุมว่า จะทำอย่างไรกับคนที่เรียกและไม่มาชี้แจ เช่น นายธานี อ่อนละเอียด เลขานุการกมธ.การกฎหมายฯ สนช. พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ ประธานกมธ.การกฎหมายฯ สนช. และน้องชายพล.อ.ประวิตร รวมถึง นายวรยุทธ อยู่วิทยา ซึ่งก่อนจะเห็นพ้องกันว่า จะส่งหนังสือเรียกมาอีกครั้ง  โดยยังไม่ใช้พ.ร.บ.คำสั่งเรียกฯ มีข้อถกเถียงเรื่องการมาให้ข้อมูลของนายวรยุทธ ซึ่งนายสมัคร ระบุว่า นายวรยุทธ ไม่มีถิ่นที่อยู่ในไทยเวลานี้ จึงไม่ได้รับหนังสือเรียก และสาเหตุที่ไม่มาก็เพราะถูกเพิกถอนหนังสือเดินทาง ซึ่งกรรมาธิการพยายามบอกนายสมัคร มีคำสั่งไม่ฟ้อง แล้วทำไมไม่ขอคืนหนังสือเดินทางให้ลูกความ นายสมัครก็โชว์ทักษะของทนายความกลางที่ประชุม โดยระบุว่า ยังไม่ขอทำในเวลานี้  หลังจากก่อนหน้านี้ไม่มีใครเคยเห็นลีลาทนายความของนายวรยุทธกลางที่สาธารณะ เพียงแต่คาดเดาว่า เป็นทนายความที่มีความเก่งในระดับไม่ธรรมดา เพราะเข้าใจกลไกการต่อสู้คดีเป็นอย่างดี และพบว่ามีการยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมให้ลูกความคือนายบอสตลอดช่วงที่ผ่านมา ผ่านทุกกลไกรวม 24 ครั้ง จนทำให้หลายข้อหาหมดอายุความ    

ขณะที่พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า ตนเป็นเพียงปลายทางที่พิจารณาความเห็นของอัยการ และพิจารณาในรูปแบบคณะกรรมการที่กำหนดไว้ตามระเบียบ ในที่ประชุมจึงไม่มีคำถามต่อบทบาทของ  พล.ต.ท.เพิ่มพูน

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ