พิรุธอีก! อัยการให้ข้อมูลคดี 'บอส' ใช้เทคนิคยื้อคดี คณะ 'วิชา มหาคุณ' เรียก ผบ.ตร. -อดีตอสส.สอบ
ด่วน! อัยการสรุปสั่งคดี 'บอส อยู่วิทยา' ตามกม.ซัดตำรวจชงสำนวน สั่งรื้อคดี 'โคเคน -ชนตำรวจตาย'
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับคดี นายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ขับรถชนตำรวจเสียชีวิต โดยระบุว่า เหตุเกิดจากร้องขอความเป็นธรรม แป้ก 13 ครั้ง ปัง ครั้งที่ 14 แท้ที่จริงแล้วนายบอส หลุดคดีเพราะการร้องขอความเป็นธรรมรวมเบ็ดเสร็จ 14 ครั้ง การร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการ เริ่มมีขึ้นในยุคของอัยการสูงสุด คณิต ณ นคร ในปี 2537 เพื่อจุดมุ่งหมายต่อความยุติธรรม โดยอัยการสามารถสั่งให้พนักงานสอบสวนไปทำการสอบเพิ่มเติมเพื่อประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีด้วยความเป็นธรรมของทุกฝ่าย แต่ต่อมาได้มีคำสั่งโดยสามารถมอบหมายให้อัยการคนอื่นพิจารณาสั่งคดีเกี่ยวกับการร้องขอความเป็นธรรมได้ เช่น รองอัยการสูงสุด เป็นต้น
โดยคดีนายบอส มีการร้องขอความเป็นธรรม รวมทั้งสิ้น 14 ครั้ง โดย 13 ครั้งแรก “แป้ก” หรือมีคำสั่งให้ยุติเรื่องการร้องขอความเป็นธรรม แต่มา“ปัง” ได้ผลเอาในยุคของรองอัยการสูงสุดชื่อ นายเนตร นาคสุข เรามาดูลำดับการร้องขอความเป็นธรรมทั้ง 14 ครั้งกัน
ครั้งที่ 1 วันที่ 1 เมษายน ปี 2556 ในสมัยอัยการสูงสุด จุลสิงห์ วสันตสิงห์ และรองอัยการสูงสุด อรรถพล ใหญ่สว่าง เรื่องขอให้สอบปากคำพยานเพิ่มเติมเพื่อทบทวนการคำนวณความเร็ว (ครั้งที่ 1) ผลคือยุติเรื่อง ไม่มีเหตุจะสอบสวนเพิ่มเติม และคดีใกล้จะขาดอายุความบางข้อหา มีความเห็นควรสั่งฟ้องนายบอส ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2556 รวม 4 ข้อหา และไม่ฟ้อง 1 ข้อหา คือ เมาแล้วขับ
ครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 ในสมัยอัยการสูงสุดและรองอัยการสูงสุดคนเดิม เรื่องขอให้สอบปากคำพยานเพิ่มเติมเพื่อทบทวนการคำนวณความเร็ว (ครั้งที่ 2) รวมถึงขอให้สอบตัวนายบอสเพิ่มเติมด้วย (แต่นายบอสไม่เคยโผล่มา) และพิจารณาเพิกถอนคำสั่งที่แจ้งให้พนักงานสอบสวนขอศาลออกหมายจับ แต่ผลคือยุติเรื่อง
ครั้งที่ 4 – 5 – 6 ปี 2557 ในสมัยอัยการสูงสุด อรรถพล ใหญ่สว่าง และรองอัยการสูงสุด วุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ เรื่องขอให้สอบสวนพยานเพิ่มเติม เกี่ยวกับพฤติกรรมความเจ็บป่วยของนายบอส ขอให้สอบสวนพยานเพิ่มเติม เพิกถอนคำสั่งที่แจ้งให้พนักงานสอบสวนขอศาลออกหมายจับ แต่ผลคือยุติเรื่อง
ครั้งที่ 7 -8 ปี 2558 ในสมัยอัยการสูงสุด ตระกูล วินิจฉัยภาค และรองอัยการสูงสุด วุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ เรื่องขอให้สอบสวนพยานเพิ่มเติม (จำนวน 5 ราย โดยมี พลอากาศโท จ. และนายจารุชาติ มาดทอง รวมอยู่ด้วย) ผลคือยุติเรื่อง พยานไม่มีน้ำหนัก เป็นเพียงคำบอกเล่า พร้อมตั้งข้อสังเกตุว่าคดีผ่านไปเกือบ 3 ปี แต่เพิ่งมาให้ปากคำ
ครั้งที่ 9-10-11-12 ระหว่างปี 2559-2560 อัยการสูงสุด ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร รองอัยการสูงสุด นิภาพร รุจนรงค์ ในประเด็นการขอให้สอบปากคำพยานเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเร็วรถ และขอให้เรียกสำนวนของคณะกรรมาธิการ สนช. มาพิจารณาประกอบเพื่อมีคำสั่งในคดีให้ไม่ฟ้อง
ประเด็นสำคัญในครั้งที่ 12 นี้อัยการสูงสุดในสมัยนั้น ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ได้มีคำสั่งให้ยุติเรื่องการร้องขอความเป็นธรรมด้วยตัวเอง เนื่องจากพยานไม่มีน้ำหนักเพียงพอหักล้างข้อกล่าวหาเดิม และเห็นว่าเนื่องจากคดีนี้อยู่ในความสนใจของประชาชนเป็นอย่างยิ่ง ประกอบกับได้ให้ความเป็นธรรมกับผู้ต้องหามาโดยตลอดเป็นเวลาเนิ่นนานแล้ว และให้นำตัวผู้ต้องหามาฟ้อง หากผู้ต้องหายังร้องขอความเป็นธรรมมาอีกให้แยกพิจารณาโดยไม่ต้องรอฟังผล
ส่วนครั้งที่ 13 ปี 2561 อัยการสูงสุด เข็มชัย ชุติวงศ์ รองอัยการสูงสุด วัฒนชัย คุ้มวงศ์ดี โดยขอให้สอบสวนสมาชิก สนช. ในประเด็นที่นายบอส ร้องขอความเป็นธรรมต่อคณะกรรมาธิการ ซึ่งผลก็คือยุติเรื่องด้วยเช่นกัน
จนกระทั่งมาถึงครั้งสำคัญ คือครั้งที่ 14 วันที่ 7 ตุลาคม 2562 อัยการสูงสุด วงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ และรองอัยการสูงสุด เนตร นาคสุข เรื่องขอให้สอบ พลอากาศโท จ. และ นายจารุชาติ มาดทอง ประเด็นความเร็วในขณะขับขี่รถยนต์ของบอส แต่ปรากฎว่าผลคือ“ได้เรื่อง” ทั้งที่ผู้ร้องยังคงใช้พยานหลักฐานเดิมที่เคยมีคำสั่งยุติเรื่องไปแล้วก่อนหน้านั้นรวมเบ็ดเสร็จ 13 ครั้งติดต่อกัน
โดยมีความเห็นว่า ผู้ต้องหาไม่ได้ขับรถเร็ว แต่รถจักรยานยนต์ของ ด.ต. วิเชียร เปลี่ยนเลนกะทันหัน ทำให้นายบอสเบรครถไม่ทัน เป็นเหตุให้ชนท้าย กรณีที่เกิดขึ้นจึงเป็นเหตุสุดวิสัย ไม่ใช่เกิดจากความประมาท ปราศจากความระมัดระวัง คดีมีพยานหลักฐานไม่พอฟ้อง จึงมีคำสั่งไม่ฟ้องนายบอส ฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย