กองทัพเรือ เตรียมแถลงไขข้อสงสัย ปมจัดซื้อเรือดำน้ำ 24 ส.ค. นี้
ส.ส.พปชร. เถียง "ยุทธพงศ์" แทน ทร. ยัน มีเอกสารจัดซื้อเรือดำน้ำ
เป็นคำเปรียบเปรยที่นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พูดถึง การแถลงข่าวของตัวแทนกองทัพเรือเมื่อวานนี้ พร้อมย้ำว่า เมื่อวานกองทัพเรือนำบุคลากรจำนวนมากออกมาชี้แจงเรื่องเรือดำน้ำ สะท้อนว่า มีความต้องการจัดซื้อเรือดำน้ำอย่างมาก
การแถลงข่าวนี้ มีทั้ง นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พร้อมด้วย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และ นายครูมานิตย์ ประเด็นหลักคือ การชี้แจงกรณีที่กองทัพเรือพยายามโจมตีว่าการเคลื่อนไหวของส.ส.เพื่อไทย เป็นเรื่องการเมือง ยืนยันว่า การทำหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลงบประมาณ เป็นหนึ่งในหน้าที่ส.ส.ที่ต้องดำเนินการ
นายยุทธพงศ์ ย้ำว่า การจัดซื้อเรือดำน้ำไม่ได้ผูกพันใดๆในสัญญา จึงไม่จำเป็นต้องซื้อเรือดำน้ำ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างไทย และจีน ส่วนการทำสัญญาซื้อขายระหว่างรัฐต่อรัฐ หรือ G2G นายยุทธพงศ์ มองว่า การแถลงข่าวของกองทัพเรือเมื่อวานนี้ไม่ได้พูดชัดเจนว่าเป็นการซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ หรือไม่ แม้จะระบุ รายละเอียดว่ามีการมอบอำนาจให้ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ซึ่งในขณะนั้นเป็นเสนาธิการทหารเรือ เป็นคนเซ็นลงนามซื้อขายเรือดำน้ำ แต่นายยุทธพงศ์ มองว่า กองทัพเรือ ควรนำหนังสือมอบอำนาจเต็ม หรือ Full powers มาชี้แจงให้ชัดเจน
นายยุทธพงศ์ ย้ำว่า ขอให้พล.อ.ประยุทธ์ ช่วยเจรจากับกองทัพเรือให้ยุติการซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำออกไปก่อน ยืนยันว่าจะเดินหน้าเคลื่อนไหวเรื่องนี้ต่อไป
ด้านนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า กลุ่มไทยภักดี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า เห็นด้วย กับการซื้อเรือดำน้ำของรัฐบาล เพราะ มองว่า การมีเรือดำน้ำ สะท้อนถึงความมั่นคงของประเทศ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านของไทยก็มีศักยภาพเรื่องเรือดำน้ำทั้งหมด นอกจากนี้ยังมองว่า แม้ราคาเรือดำน้ำ จะสูงถึง 22,500 ล้านบาท แต่ไม่ใช่การจ่ายในครั้งเดียว เพราะ รัฐผ่อนชำระ นาน 7 ปี เฉลี่ยปีละประมาณ 3,000 กว่าล้านบาท จึงเห็นควรว่าสามารถเดินหน้าจัดซื้อได้
เป็นคำเปรียบเปรยที่นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พูดถึง การแถลงข่าวของตัวแทนกองทัพเรือเมื่อวานนี้ พร้อมย้ำว่า เมื่อวานกองทัพเรือนำบุคลากรจำนวนมากออกมาชี้แจงเรื่องเรือดำน้ำ สะท้อนว่า มีความต้องการจัดซื้อเรือดำน้ำอย่างมาก
การแถลงข่าวนี้ มีทั้ง นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พร้อมด้วย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และ นายครูมานิตย์ ประเด็นหลักคือ การชี้แจงกรณีที่กองทัพเรือพยายามโจมตีว่าการเคลื่อนไหวของส.ส.เพื่อไทย เป็นเรื่องการเมือง ยืนยันว่า การทำหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลงบประมาณ เป็นหนึ่งในหน้าที่ส.ส.ที่ต้องดำเนินการ
นายยุทธพงศ์ ย้ำว่า การจัดซื้อเรือดำน้ำไม่ได้ผูกพันใดๆในสัญญา จึงไม่จำเป็นต้องซื้อเรือดำน้ำ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างไทย และจีน ส่วนการทำสัญญาซื้อขายระหว่างรัฐต่อรัฐ หรือ G2G นายยุทธพงศ์ มองว่า การแถลงข่าวของกองทัพเรือเมื่อวานนี้ไม่ได้พูดชัดเจนว่าเป็นการซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ หรือไม่ แม้จะระบุ รายละเอียดว่ามีการมอบอำนาจให้ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ซึ่งในขณะนั้นเป็นเสนาธิการทหารเรือ เป็นคนเซ็นลงนามซื้อขายเรือดำน้ำ แต่นายยุทธพงศ์ มองว่า กองทัพเรือ ควรนำหนังสือมอบอำนาจเต็ม หรือ Full powers มาชี้แจงให้ชัดเจน
นายยุทธพงศ์ ย้ำว่า ขอให้พล.อ.ประยุทธ์ ช่วยเจรจากับกองทัพเรือให้ยุติการซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำออกไปก่อน ยืนยันว่าจะเดินหน้าเคลื่อนไหวเรื่องนี้ต่อไป
ด้านนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า กลุ่มไทยภักดี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า เห็นด้วย กับการซื้อเรือดำน้ำของรัฐบาล เพราะ มองว่า การมีเรือดำน้ำ สะท้อนถึงความมั่นคงของประเทศ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านของไทยก็มีศักยภาพเรื่องเรือดำน้ำทั้งหมด นอกจากนี้ยังมองว่า แม้ราคาเรือดำน้ำ จะสูงถึง 22,500 ล้านบาท แต่ไม่ใช่การจ่ายในครั้งเดียว เพราะ รัฐผ่อนชำระ นาน 7 ปี เฉลี่ยปีละประมาณ 3,000 กว่าล้านบาท จึงเห็นควรว่าสามารถเดินหน้าจัดซื้อได้
ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความเห็นว่า เป็นเรื่องของกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณปี 64 ที่ต้องพิจารณากันในสภาผู้แทนราษฎร และขอให้รอฟังข้อสรุป แต่ก็มองว่า จากคำชี้แจงของกองทัพเรือ ก็มีเหตุผลและความจำเป็น จึงขึ้นอยู่กับคณะกรรมาธิการฯ จะพิจารณาต่อไปอย่างไร ย้ำว่าอยากให้พิจารณาด้วยความเป็นธรรม เพราะหลายกระทรวงก็ถูกตัดงบประมาณไปหลายกิจกรรมทั้งเรื่องการศึกษา เศรษฐกิจ และอีกหลายอย่าง ซึ่งเป็นงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับประชาชน และมางบประมาณของความมั่นคงก็ถูกตัดออกไปอีก ก็ขอให้พิจารณาดูว่าจะเดินหน้ากันต่ออย่างไร และอยากให้มีการแก้ปัญหาผลกระทบควบคู่กันไปด้วย