“วิชา” พบ ปลอมวันที่ ช่วยกันความผิดตร.ระดับสูง วิ่งคดี “บอส อยู่วิทยา”


โดย PPTV Online

เผยแพร่




เป็นการยืนยันอย่างชัดเจนอีกครั้ง จากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายในคดี บอส วรยุทธ ชุดของ ศ.(พิเศษ)วิชา มหาคุณ ที่ย้ำว่าคดีนี้ มีขบวนการจัดฉากวิ่งเต้นช่วยเหลือทายาทตระกูลอยู่วิทยา และล่าสุดพบข้อมูลการปลอมวันที่ เพื่อกันความผิดให้กับนายตำรวจระดับสูงที่วิ่งเต้นช่วยเปลี่ยนความเร็วรถของ บอส วรยุทธ ซึ่งทั้งหมดนี้ ศ.(พิเศษ) วิชา เปรียบเป็นต้นไม้พิษ สร้างผลไม้พิษที่กินไม่ได้ และต้องฟันทิ้ง ซึ่งเกิดขึ้นในกระบวนการยุติธรรมของประเทศ

 “วิชา” พบ ตร.ทำสำนวนเท็จ สร้างเรื่องคดี “บอส อยู่วิทยา” ให้สมเหตุสมผล

“วิชา” ส่งรายชื่อเจ้าหน้าที่ให้ “บิ๊กตู่” เชือด คดี“บอส อยู่วิทยา”

เป็นการเปรียบเทียบสรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายในคดีบอส วรยุทธ ของ ศ.(พิเศษ) วิชา มหาคุณ หลังส่งรายงานสรุปผลสอบทั้งหมดให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับทราบ ซึ่งข้อมูลที่พบสะท้อนว่าในคดีนี้มีการช่วยเหลือผู้ต้องหาและวางแผนกันอย่างเป็นระบบตั้งแต่คดีนี้เริ่มต้นขึ้น คือ มีการตั้งสำนวนในลักษณะสมยอม ไม่สุจริต มีการตั้งข้อหากับ ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผู้เสียชีวิตซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติ และยังส่งผลให้รูปคดีเสียหายอย่างรุนแรง โดยมีทั้งเจ้าหน้ารัฐในกระบวนการยุติธรรม ตำรวจ อัยการ นักการเมือง อดีตสมาชิกสภาพนิติบัญญัติแห่งชาติ ทนายความ นักวิชาการ ร่วมมือกันพลิกคดีเพื่อให้บอส วรยุทธ พ้นจากความผิด

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่มีผลทำให้อัยการมีคำสั่งไม่ส่งฟ้องบอส วรยุทธ คือ ประเด็นการกลับคำให้การเรื่องความเร็วรถ ของ พ.ต.อ.ธนสิทธิ แตงจั่น ที่เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สมยศพุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ที่พา รศ.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม มาพบ ในวันที่ 26 ก.พ. 59 เพื่อขอให้ตรวจสอบและรับรองสูตรคำนวณใหม่ ที่คำนวณความเร็วรถได้ 79 กม/ชม. และแม้ว่า พล.ต.อ.สมยศ จะนำหลักฐานเอกสารภาพถ่ายว่าในวันที่ 26 ก.พ. 59 เขาได้เดินทางไปประชุมฟีฟ่า ที่ประเทศสวิสเซอร์เเลนด์ จึงไม่ได้มาพบ พ.ต.อ.ธนสิทธิ ตามที่ถูกกล่าวหา

แต่ข้อมูลที่ได้จาก รศ.สายประสิทธิ์ และ พ.ต.อ.ธนสิทธิ ที่ให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมาการตรวจสอบข้อเท็จจริง ศ.(พิเศษ) วิชา เปิดเผยว่า มีการสร้างหลักฐานเท็จ และมีความพยายามสร้างข้อมูลให้สมเหตุสมผล โดยการปลอมวันที่ในสำนวนคดี เพราะความจริงแล้ว พ.ต.อ.ธนสิทธิ ถูกสอบปากคำเพิ่มเติม ในวันที่ 29 ก.พ.59 ไม่ใช่วันที่ 26 ก.พ. 59 และ 2 มี.ค. 59 อย่างที่ พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี ระบุไว้ในสำนวน ส่วน พล.ต.อ.สมยศ จะมีความเกี่ยวข้องกับมากน้อยแค่ไหน ศ.(พิเศษ) วิชา ระบุเป็นข้อสังเกตว่าให้ย้อนดูลักษณะการให้ข้อมูลของ พล.ต.อ.สมยศ ว่าเป็นในทิศทางใด ส่วนวันที่ 26 ก.พ. 59 พล.ต.อ.สมยศ อยู่ไหนคงไม่ต้องถาม แต่วันที่ 29 ก.พ.59 เขากลับมาแล้ว

สำหรับการแถลงครั้งนี้ ศ.(พิเศษ) วิชา เลี่ยงที่จะเอ่ยชื่อบุคคลที่ตรวจสอบแล้วพบว่าเข้าข่ายมีความผิด และมีส่วนช่วยเหลือบอส วรยุทธ เเม้ว่าในรายงานฉบับที่มอบให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะมีการระบุชื่อผู้ที่มีส่วนกี่ยวข้องชัดเจน เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ มีความกังวลว่าข้อมูลที่รวบรวมอาจยังไม่ครบถ้วน เนื่องจากมีเวลาในการสอบเพียง 30 วัน จึงกังวลว่าหากเปิดเผยรายชื่อไปแล้ว อาจส่งผลกระทบตามมาได้ ซึ่งถือเป็นสิทธิ์ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่เปิดเผย
เพลทกราฟิก ศ.ส.

แต่เพื่อความโปร่งใสในการตรวจสอบ ศ.(พิเศษ) วิชา จึงได้มอบเอกสารสรุปผลสอบข้อเท็จจริงให้สื่อมวลชนไปตรวจสอบเพิ่มเติม โดยระบุถึงผู้ที่เกี่ยวข้องด้วยอักษรย่อ และตำแหน่งหน้าที่แทน ซึ่งหากนำข้อมูลที่ปรากฎในเอกสารมาเปรียบเทียบกับเหตุการณ์และบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องก่อนหน้านี้ จะพบว่า อักษรย่อ “รองศาสตราจารย์ ส.”เป็นผู้ที่คำนวณความเร็วรถได้ 79 กม./ชม. และเป็นผู้ที่ถูกพาไปพบกับ พ.ต.อ.ธนสิทธิ มีลักษณะและบทบาทตรงกับ รศ.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม ซึ่งเป็นผู้คำนวณความเร็วรถใหม่ และ เป็นบุคคลที่ พ.ต.อ.ธนสิทธิ บอกว่า พล.ต.อ.สมยศ พามาพบ

ส่วน “พันตำรวจโท ธ.” ที่มีการระบุถึงว่า มีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งได้ร่วมกันจัดให้พบกับ “รองศาสตราจารย์ ส.” ก่อนกลับคำให้การเรื่องความเร็วรถในเวลาต่อมา มีลักษณะที่สอดคล้องกับ พ.ต.อ.ธนสิทธิ แตงจั่น ที่ในช่วงปี 2559 ยังมียศเป็น พ.ต.ท. และเป็นบุคคลเพียงหนึ่งเดียว ที่ปรากฎข้อมูลว่าเป็นผู้กลับคำให้การเรื่องความเร็วรถ

ส่วน “พลอากาศโท จ.” ที่ถูกพูดถึงในเอกสารว่าเป็นหนึ่งในพยานที่มีการสอบเพิ่มเติม และเป็นพยานเดิมที่เคยถูกสอบปากคำไปแล้ว มีลักษณะคล้ายกับ พลอากาศโท จักรกฤช ถนอมกุลบุตร 1 ใน 2 พยาน ที่ปรากฎตัวเข้าให้ปากคำคดีบอส วรยุทธ

ขณะที่ อักษรย่อ “นาย จ.” ที่ถูกระบุว่าเป็นหนึ่งในพยานเดิมที่เคยถูกสอบไปแล้ว ถูกสอบเพิ่มเติมในประเด็นเรื่องความเร็วรถ และเป็นพยานปากสำคัญที่เสียชีวิตกะทันหัน หลังปรากฎเป็นข่าว โดยพบว่าโทรศัพท์มือถือของ “นาย จ.” ถูกทำลาย มีลักษณะตรงกับ นายจารุชาติ มาดทอง พยานปากสำคัญที่ปรากฎชื่อบนสื่อหลายครั้ง แต่กลับเสียชีวิตอย่างกะทันหัน หลังหลายฝ่ายต้องการเรียกมาสอบข้อเท็จจริงใหม่อีกครั้ง

อีกทั้งยังพบว่า “นาย จ.” มีความใกล้ชิดเป็นลูกจ้างกับนายจ้างของ อักษรย่อ “นาย ช.” สอดคล้องกับข้อมูลของนายจารุชาติ ที่พบว่ามีเป็นลูกจ้างของ นายชูชัย เลิศพงศ์อดิศร อดีต ส.ว. และนักการเมืองในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ที่ยอมรับว่าเป็นผู้นำโทรศัพท์ของ นายจารุชาติ ไปทำลาย เพราะเคยถ่ายรูปร่วมกัน จึงกังวลว่าอาจจะกระทบต่อกับการที่เขาจะลงสมัครเลือกตั้ง หลังทราบว่า นายจารุชาติ เป็นพยานปากสำคัญในคดีบอส วรยุทธ และนายช.ยังปรากฎในผลสอบของศ.(พิเศษ)วิชา ว่า เคยพบทนายความของบอส วรยุทธ แต่ผลสรุปของคณะกรรมการชุดของ ศ.(พิเศษ)วิชา ไม่ได้ระบุว่า นาย ช. คือ นายชูชูชัย เลิศพงศ์อดิศร หรือไม่

ขณะที่ “พันตำรวจโท ว.” ซึ่งถูกพูดถึงว่าเป็นผู้ที่ปฎิเสธคำขอแก้ไขคำให้การของ พ.ต.อ.ธนสิทธิ เรื่องความเร็วรถ พบว่ามีลักษณะตรงกับ พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี ซึ่งเคยเป็นพนักงานสอบสวนที่เดินทางไปสอบปากคำ พ.ต.อ.ธนสิทธิ ก่อนที่ พ.ต.อ.ธนสิทธิ จะกลับคำให้การเรื่องความเร็วรถ

และอีกหนึ่งอักษรอย่อ “นาย น.”ที่ถูกพูดถึงในฐานะรองอัยการสูงสุด ที่สั่งไม่ฟ้องบอส วรยุทธ และเป็นรองอัยการสูงสุดเพียงคนเดียวที่นำข้อมูลพยานหลักฐานเดิม มาใช้พิจารณาไม่สั่งฟ้อง พบว่าตรงกับนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด เพียงคนเดียวที่รับเรื่องร้องขอความเป็นธรรม และเป็นคนที่สั่งไม่ฟ้องบอส วรยุทธ

นอกจากนี้รายงานสรุปของ ศ.(พิเศษ) วิชา ยังเอ่ยถึงสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ บางคนที่มีบทบาทช่วยวิ่งเต้นและกลไกในการพลิกคดีให้กับฝ่ายบอส วรยุทธ ด้วย รวมถึงพนักงานอัยการอีก 1 คน ที่มีส่วนร่วมวางแผนช่วยเหลือบอส วรยุทธ

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หลังรับผลสอบฉบับนี้ แสดงจุดยืนว่า ยังไม่อยากให้เปิดเผยชื่อคนที่เกี่ยวข้อง เพราะเชื่อว่าเมื่อถึงเวลา ก็รายชื่อก็จะปรากฎออกมาเอง เพราะเกรงว่า จะไม่เป็นผลดี มีแต่ความขัดแย้งที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ

พล.อ.ประยุทธ์ ยังระบุว่า ในสรุปผลสอบ มีข้อเสนอแนะ 5 ข้อ ประกอบด้วย 1.ยกคดีขึ้นมาดำเนินการใหม่ โดยเฉพาะคดีที่ไม่ขาดอายุความ ดำเนินการได้แน่นอนใน 2-3 คดีที่เหลืออยู่ 2.ดำเนินคดีและวินัยผู้เกี่ยวข้องทั้ง 2 ฝ่าย 3.บางเรื่องไม่ชัดเจนว่าเป็นความผิดหรือไม่ แต่ก็ต้องมีการตรวจสอบในเชิงจริยธรรม 4.ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการมอบอำนาจของผู้บังคับบัญชา ว่าจะทำอย่างไร เมื่อมอบไปแล้วจะรับผิดชอบอย่างไร และสุดท้ายต้องไปดูและแก้ระเบียบอีกหลายเรื่อง โดยทั้งหมดก็จะส่งมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการทันที

พล.อ.ประยุทธ์ ยังรับุว่า ยังมีคำสั่งให้คณะกรรมการชุดนายวิชา ทำงานต่ออีก 30 วัน ตามที่ร้องขอ เพื่อเสนอแนะ ปรับปรุงกฎหมายเชิงปฏิรูปให้ชัดเจน ซึ่งเป็นประโยชน์ที่ต้องช่วยกันผลักดันต่อไป

“วิชา”รับคดีบอส วรยุทธ ผิดปกติพบ ตร.ถูกย้ายหลังออกหมายแดง

 

 

 

 

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ