ดร.นณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโสสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ หรือ TDRI เปิดเผยกับทีมข่าว พีพีทีวี ระบุว่า ภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันไม่สามารถเดินต่อได้ การส่งออกหยุดชะงัก นักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินทางได้ การออกแคมเปญหรือ มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายในช่วงนี้จึงถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม
สำหรับมาตรการแรกที่ กระตุ้นการบริโภคในประเทศวงเงิน 4.5 หมื่นล้านบาท โดยรัฐบาลจะช่วยค่าใช้จ่าย 50% ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน ระยะเวลา 3 เดือน สำหรับผู้ที่อายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 15 ล้านคน การจ่ายแบบนี้เป็นการเติมเงินไม่ใช่การให้เปล่า ถือเป็นหลักการที่ดีให้เกิดการใช้จ่ายมากขึ้น จากเงินของประชาชนรวมกับเงินจากภาครัฐ และไม่เป็นการสปอยให้เกิดการใช้เงินฟุ่มเฟือยเนื่องจากประชาชนต้องเติมเงินลงไปด้วย ไม่ใช่เงินฟรี สิ่งสำคัญ คือ รูปแบบการแจก รายละเอียดไว้ใน ที่ต้องทำให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายไม่ใช่ต้องตื่นมาแย่งกันลงทะเบียน รวมถึงให้เข้าถึงได้จริงโดยเฉพาะธุรกิจขนาดย่อย
ส่วนมาตรการการจ้างงานสำหรับเด็กจบใหม่โดยรัฐบาลสมทบจ่ายกับนายจ้าง คนละ 50% เป็นเวลา 1 ปี สนับสนุนการจ้างงานนักศึกษาใหม่จำนวน 260,000 อัตรา วงเงิน 2.3 หมื่นล้านบาท ถือว่าเป็นมาตรการที่เห็นด้วยอย่างมาก เพราะ TDRI เองมีการประเมินว่าปีนี้จะมีการว่างงาน 2-3 ล้านคน หากมีจากจ้างงานเด็กเหล่านี้ก็จะมีอนาคต แล้วก็นำเงินกลับมาใช้ในระบบเศรษฐกิจ เหมือนกับ 92% ของกลุ่มประเทศ OECD เช่น ออสเตรเลีย เบลเยียม แคนาดาฟินแลนด์ เยอรมนี ที่มีการใช้นโยบายลักษณะนี้เช่นกัน
ทั้งนี้ TDRI ได้ประเมินการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ GDP ของไทยในปี 2563 อยู่ที่ติดลบ 7 ถึง ลบ 9% จากปัจจัยการท่องเที่ยวที่หายไป และการลงทุนจากต่างประเทศที่ลดลง ซึ่งมองว่าเศรษฐกิจอาจจะแย่เป็นระยะยาวได้ ขณะที่มาตรการล่าสุดจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ราว 0.5%
เที่ยวปันสุข นักวิชาการ ชี้ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจแทนช้อปช่วยชาติ