แม่ทัพภาค 1 สั่งระดมกำลังเข้ากรุง ให้ทหารพล.ร.9 ตรึงทำเนียบ
สถานทูตสหรัฐฯ ยกเลิกจัดเสวนาเลือกตั้ง หลังประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
เมื่อวันที่ 15 ต.ค. 2563 นายทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสต์ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2563 ติดลบที่ 8% เพราะยังมีความไม่แน่นอน จากทั้ง ปัจจัยภายนอก เช่น สถานการณ์โควิด-19 ในต่างประเทศ, ความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา, ผู้นำใหม่ของสหรัฐฯ ด้านปัจจัยภายใน ได้แก่ ความไม่แน่นอนในการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ, รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่กลุ่มคณะราษฎร 2563 นัดชุมนุมกันที่แยกราชประสงค์วันนี้เวลา 16.00 น.
ส่วนปัจจัยที่จะเป็นความหวังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ คือ มาตรการทางการคลัง ที่รัฐบาลจะออกมากระตุ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี แต่ยังไม่มีความแน่นอน จึงยังคงประมานการเศรษฐกิจไทยไว้ที่ติดลบ 8%
ในช่วงที่ผ่านมา นายทิม ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยผ่านช่วงต่ำสุดมาแล้วในไตรมาสที่ 2 ขณะนี้อยู่ในช่วงตั้งหลัก หลังจากนี้ยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ว่าหลังจากมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ จะมีมาตรการทางคลังในการผลักดันการบริโภคของประชาชน ที่ส่งอานิสงค์มากน้อยเพียงใด ส่วนในปี 2564 ประมาณการเศรษฐกิจไทย กลับมาเป็นบวก 2% เนื่องจากมาจาก รัฐบาลยังไม่มีแผนการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรม เพราะไทยพึ่งพาตลาดท่องเที่ยวเป็นสัดส่วน15% ของจีดีพี
ส่วนปัจจัยด้าน สถานการณ์ทางการเมือง ขณะนี้มองว่ายังไม่ใช่ปัจจัยเสี่ยง แต่ยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยในช่วงเช้าที่ผ่านมา แม้เงินบาทจะอ่อนลงเล็กน้อย แต่จากนั้นก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติ สะท้อนว่ากระทบเพียงระยะสั้น
ขณะที่ตลาดหุ้นไทย เปิดตลาดที่ 1,255.05 จุด -8.94 จุด ผลมาจากการเมืองที่ยืดเยื้อในประเทศ หลังจากมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร มีผลตั้งแต่เวลา 04.00 น.วันนี้เป็นต้นไป และมีการประกาศชุมนุมที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ในวลา 16.00 น. รวมถึงความกังวลมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีความไม่แน่นอน จากที่นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวว่า การบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พฤศจิกายนถือเป็นเรื่องที่ยาก และนักลงทุนยังรอติดตามผลการดำเนินงานกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ไตรมาส 3 ปี 2563