เมื่อเวลา 15.30 วันที่ 15 ตุลาคม กลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเยาวชน เริ่มเดินทางเข้าพื้นทีแยกราชประสงค์ บริเวณสกายวอล์ก ตามนัดหมายชุมนุม ในเวลา 16.00 น. โดยตำรวจได้เข้าประชิดขอคืนพื้นที่สกายวอร์ก โดยเป็นกำลังของตำรวจควบคุมฝูงชน และพลร่มหญิงตระเวนชายแดน ทำให้ผู้ชุมนุมลงจากสกายวอล์ก เจ้าหน้าทำการปิดสกายวอล์ก ไม่ให้ขึ้นลง ลงมาที่แยกราชประสงค์ กระจายตัวจนเต็มพื้นที่ทำให้ต้องปิดแยกดังกล่าว โดยตำรวจพยายามเข้ากระชับพื้นที่ มีนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง นำมวลชน ขึ้นเวทีรถปิดอักติดเครื่องขยายเสียง ปักหลักเวทีหน้าศาลท้าวมหาพรหม หน้าโรงแรมเอราวัณ
ตำรวจลั่นเอาจริง! ห้ามชุมนุมแยกราชประสงค์ ตั้ง 'กอร.ฉ.' คุมสถานการณ์ แจงปมเด้ง 3 นายพล ผิดแผน
ขณะที่ตำรวจพยายามกระชับวงล้อมขอคืนพื้นที่ แต่ไม่สำเร็จ เพราะผู้ชุมนุมมีจำนวนเยอะกว่า ทำให้ต้องปิดการจราจรแยกราชประสงค์และบริเวณโดยรอบโดยปริยาย โดยกำลังตำรวจดูอยู่รอบนอก
นายภาณุพงศ์ หรือ ไมค์ ระยอง ปราศรัยบนเวที เรียกร้องพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีลาออก และให้ปล่อยตัวแกนนำและผู้ชุมนุมที่ถูกควบคุมตัว ยิ่งตกเย็นผู้ชุมนุมเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆจนเต็มพื้นที่แยกราชประสงค์ เต็มถนนราชดำริ ท้ายแถวเกือบถึงแยกประตูน้ำ
ตร.จัด 13 กองร้อยดูแล ไม่ให้ชุมนุมราชประสงค์ ยันจำเป็นสลายม็อบ เพื่อความปลอดภัย
ตำรวจ แจ้งเลี่ยงเส้นทางรอบแยกราชประสงค์เย็นนี้
ต่อมาเวลาประมาณ 16.00น. มีรถตำรวจขึ้นรถขยายเสียงและรถขนผู้ต้องหาฝ่าวงล้อมกลุ่มผู้ชุมนุม ประกาศให้ลดเครื่องขยายเสียงและยุติการชุมนุม ต่อมาเกิดการกระทบกระทั่งบริเวณหน้าศาลท้าวมหาพรหม เนื่องจากผู้ชุมนุมพยายามขอขยายพื้นที่แต่ตำรวจไม่ยอม โดยตำรวจประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง ขอให้ยุติการชุมนุมภายในเวลา 18.00น.เพราะเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย
ขณะที่เวลา 17.40 น. พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร.เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.และในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ประกาศเตือนไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมแยกราชประสงค์โดยเฉพาะที่เป็นเยาวชน และ นักศึกษา โดยให้ตระหนักในข้อกฎหมาย และระมัดระวังในการแสดงออก
"ฝากเตือนไปยังกลุ่มเยาวชน และนักศึกษา ให้คำนึงถึงสถานการณ์ดังกล่าวที่บางท่านอาจจะยังไม่ทราบหรือไม่ได้นึกถึงประเด็นนี้ ในภาวะนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาปกติ แต่เป็นภาวะสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องปฏิบัติการตามลำดับตามขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก โดยเริ่มจากการประชาสัมพันธ์ การระงับยับยั้ง และการจับกุมในที่สุด จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังเยาวชนและผู้ปกครองให้คำนึงถึงเรื่องดังกล่าว เตือนตนเองและผู้ใต้ปกครองที่จะเข้าร่วมการชุมนุมด้วยว่า ต้องเคารพกฎหมาย ถ้าหากว่าเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาแล้ว ทำผิดกฎหมายแล้ว เจ้าหน้ารัฐก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย ซึ่งอาจส่งผลต่ออนาคต และประวัติในการทำงานได้"