เก้าอี้นายก อบจ.ปทุมธานี ถือเป็นการขับเคี่ยวที่เข้มข้น เพราะทั้งสองรายชื่อถือว่าเป็นที่รู้จักในจังหวัดปทุมธานีอย่างดี สิ่งที่น่าสนใจถืองบประมาณ ประมาณ 1,700 บาทต่อปี ความเจริญที่กำลังขยายตัวทำให้เป็นสิ่งที่ท้าทายมาก สำหรับว่าที่ นายก อบจ.ที่จะมาบริหารงาน
ส่อวุ่น กกต.กำหนดให้ผู้อายุไม่ถึง 18 มีสิทธิ์เลือกตั้ง อบจ.
นายชาญ ลงแข่งขันในนามกลุ่มปทุมรักไทย เปิดเผยว่า รู้สึกเฉย ๆ กับการแข่งขัน แต่ไม่ประมาท เพราะเป็นนายกฯ 3 สมัย พยายามทำให้ประโยชน์ให้กับชาวปทุมมาโดยตลอด แม้ว่าคู่แข่งจะมีแบรนด์ของขั้วการเมืองที่ชัดเจน เพราะอดีตเคยแข่งขันกับว่าที่ ร.ต.สุเมธ ฤทธาคนี ซึ่งทิ้งเก้าอี้ ส.ส.เพื่อไทย มาลงสมัคร นายก อบจ. ในยุคนั้น กระแสพรรคเพื่อไทย และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แรงมาก แต่ก็ชนะมาได้ โดยยึดแนวทาง “ลุงชาญ ใจดี”เข้าถึงง่าย และเน้นนำเสนอตัวบุคคลที่ทำงานในพื้นที่ ไม่เสนอนโยบายหรือพรรคการเมือง
ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ระบุว่า ลงในนามกลุ่มครอบครัวคนรักปทุม แต่ไม่ปฎิเสธว่าประชาชนมองว่าตนเองถูกสนับโดยคนในพรรคเพื่อไทย เพราะเคยพูดไว้ว่า “มีวันนี้เพราะพี่ให้” แต่สิ่งที่จะปฎิบัติเพิ่ม นอกจากความใกล้ชิดประชาชนแล้ว ก็ คือ ทำให้เห็นว่า จังหวัดปทุมธานีต้องทันสมัย และก้าวหน้านี้ เพราะงบประมาณต่อปีสูงถึง 1,700 ล้านบาท
ทั้งคู่ยังเห็นตรงกันว่า คะแนนของ เยาวชน คนรุ่นใหม่ เป็นปัจจัยสำคัญ มีโอกาสชี้ขาดการเลือกตั้งครั้งนี้ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ระบุว่า ใช้นโยบาย 11 ข้อ หาเสียงกับคนกลุ่มนี้ โดยยกประเด็น “ปทุมธานีต้องดีกว่านี้” นอกจากนั้น ยังมีอดีตว่าที่ ผู้สมัคร ส.ส.ขั้วการเมืองที่ตรงข้ามกับรัฐบาล ที่เข้าถึงคนรุ่นใหม่ เป็นทีมงานด้วย
ด้านนายชาญ ระบุว่า ตลอดการทำงานการเมืองท้องถิ่นได้ให้ความสำคัญกับการศึกษามาโดยตลอด เพราะวัยเด็กขาดโอกาสเข้าถึงการศึกษาที่ดี เมื่อมีโอกาสจึงส่งเสริมการศึกษา เด็กเยาวชน ไม่ว่าจะเป็น สนามกีฬา อาคารเรียน อื่น ๆ จนเป็นที่มาของคำว่า “ลุงชาญใจดี”
ทั้งคู่ยังพูดถึงระเบียบของ คณะกรรมการการเลือกตั้งที่ ห้าม ส.ส. ผู้ช่วย ส.ส. และ ส.ว. ช่วยหาเสียง มองว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะทำให้ประชาชนมี่โอกาสเลือกบุคคลที่ตันเองหวังให้เข้าไปทำงานจริง ๆ และยังอยากให้ระเบียบนี้อย่างเป็นธรรมไม่ปฎิบัติกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
เริ่มแล้ว! ใบสั่งจราจรแบบใหม่ 4 สี 2แบบ เปลี่ยนรูปแบบชำระค่าปรับ เพิ่มข้อยกเว้นไม่ต้องปรับก็ได้