“บิณฑ์” ขู่ฟ้องกลับ “สันธนะ” กรณีเรียกเงินซื้อเสื้อชมพู
"เสี่ยโป้" จับมือ "สันธนะ" ลอยแพ "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" แจ้งความกองปราบเอาผิด ขอ 2 ล้านทำเสื้อชมพู
จากกรณี นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล พร้อม นายเสี่ยโป้ อานนท์ เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ดารานักแสดงชื่อดัง กรณีขอรับบริจาคเงินซื้อเสื้อสีชมพูของมูลนิธิโรงพยาบาลศิริราช หลังพบหลักฐานว่า นายบิณฑ์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดทำเสื้อในโครงการดังกล่าว นั้น
วันนี้ 14 ธ.ค. 2563 นายสันธนะ และ เสี่ยโป้ ได้ร่วมรายการ “เป็นเรื่องเป็นข่าว” และเปิดเผยว่าถึงสาเหตุที่ต้องดำเนินการดังกล่าว
นายสันธนะ กล่าวว่า ตนเองต้องดำเนินการตามกฎหมาย ก่อนหน้านี้ก็ไปร้องเรียนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็มีเรื่องดราม่ามาแล้ว แต่มาถึงวันนี้แล้วไม่ใช่เรื่องดราม่า แต่เป็นเรื่องที่จะต้องดำเนินคดี โดยเฉพาะนายบิณฑ์ ตนเองก็เข้าใจระว่างบิณฑ์ กับโป้ ที่มีอุดมการณ์เหมือนกัน แต่ ณ วันนี้อุดมการณ์ของบิณฑ์ กับ โป้ ต่างกัน และ เหตุที่ต่างกันอย่างไรนั่นคือ โป้ เป็นคนที่ชอบทำบุญ ช่วยเหลือสังคม การที่โป้บริจาคช่วยเหลือ โอนเงินให้ใคร ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา แต่กรณีของบิณฑ์ เราก็ทราบกันดีว่าไม่ใช่เงินส่วนตัวของบิณฑ์ แต่เปิดให้ประชาชนทั่วไปบริจาค และ เป็นการเปิดรับบริจาคเข้าในบัญชีส่วนตัว ตนเองจึงตั้งข้อสงสัยต้องตรวจสอบ และต้องแจ้งความดำเนินคดี
ด้าน เสี่ยโป้ กล่าวว่า ตนเองยังไม่ได้โอนเงิน 2 ล้านบาท แต่ส่วนตัวก็ไม่ได้ติดใจในเรื่องนี้ แต่กลัวว่าจะมีการแอบอ้างเรื่องตราสัญลักษณ์ เกรงว่าจะไปจัดทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และ กลัวจะนำตนเองไปเกี่ยวข้อง และ จะเดือดร้อน
ส่วนกรณีที่นายบิณฑ์ ไลฟ์สดบอกว่าได้คุยกับเสี่ยโป้ และให้จดเลขบัญชีของรพ.ศิริราช นั้น เสี่ยโป้ กล่าวว่า ไม่มี ทีมงานก็ไม่มีใครได้จดเลขบัญชี
“สันธนะ” ร้องกองปราบฯ เอาผิด “บิณฑ์” ปมจัดซื้อเสื้อชมพู
นายสันธนะ เสริมว่า วันนั้นตนได้ถามนายบิณฑ์ จนเกิดเป็นประเด็นในวันนี้ โดยเขาให้โอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวของเขา นายบิณฑ์ได้พูดถึงโครงการของศิริราช แต่เวลาโอนเงินให้โอนเข้าบัญชีส่วนตัว ตนเองก็ต้องเอะใจ การที่โป้บริจาค 2 ล้านไม่ใช่ประเด็น แต่ประเด็นคือให้โอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัว ซึ่งไม่ใช่เป็นการโอนเงินเข้าสบทบทุน โครงการของศิริราช จะเป็นคนกลางเพื่อนำเงินไปให้ศิริราชนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะวันนั้นเขาไม่ได้พูดว่าเขาเป็นคนกลาง
“ผมถามเขาเองว่าทำไมต้องโอนผ่านบัญชีคุณ ถ้าวันนั้นเขาจำไม่ได้เดี๋ยวผมจะไปย้ำข้างๆหูเขา และ เตือนเขาด้วย ว่าคุณบิณฑ์ถ้าบริจาคแบบนี้อาจจะเป็นข้อครหา คุณก็จะเสียหายได้ และผมคุยกับเขา 3 นาที 52 วินาที สำหรับผมถ้าโอน 2 ล้านคุยกันไม่ถึงนาทีก็โอนให้แล้ว แต่ซุ่มเสียงในการพูดคุยไม่เหมือนการรับบริจาคทั่วไป แต่เหมือนมาทวงหนี้โป้ ที่บอกว่าไม่ได้ต้องโอนเพราะรับปากผู้ใหญ่แล้วอย่างนี้อย่างนั้น ”
เมื่อถามว่า เสี่ยโป้รู้สึกไหมว่าเป็นการทวงหนี้ เสี่ยโป้ กล่าวว่า ตนไม่ได้ฟังเพราะวันนั้นไปเที่ยวที่จ.กระบี่ แต่นายบิณฑ์ โทรมาบอกลูกน้องของตนว่าถ้าไม่โอนตนเองจะเสียเครดิต จึงโทรกลับไปหาน้องให้โทรหาซ้อว่าต้องโอนเงินวันนี้ แต่ซ้อก็บอกให้โทรหา รองต่อ (นายสันธนะ)
“จากนั้นเลขาของผมได้โทรหารองต่อ โดยรองต่อบอกกับเลขาว่าให้ผมโทรหาเอง คำแรกที่ผมโทรหารองต่อบอกว่า คุณจะบริจาคคุณตรวจสอบหรือยัง คุณจะให้เขาไปใช้เงินฟรีเหรอ”
เมื่อถามว่า ติดใจอะไรกับเรื่องนี้หรือไม่ เสี่ยโป้ กล่าวว่า ไม่ได้ติดใจอะไร และเต็มใจที่จะบริจาคซื้อเสื้อสีชมพูแจกประชาชนที่มาร่วมรับเสด็จ เพราะอุดมการณ์ของตน คือ สถาบัน ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเงินๆทองๆ เมื่อได้คุยกับรองต่อไปแล้วก็ไม่ได้มีอะไร จนมาวันหนึ่งมีนักข่าวโทรมาตนถามถึงเรื่องนี้ ตนเองก็ไม่รู้เรื่อง
“เสี่ยโป้” แจงปม ซื้อเสื้อชมพูบริจาค “บิณฑ์”
ด้าน นายสันธนะ เสริมว่า ก่อนที่ตนวางสายของโป้ และ ได้พูดกับโป้ว่าจัดการให้แล้ว แต่หมายถึงว่าไม่โอน โป้ก็ทราบและเข้าใจ ขอพูดจริงๆตนเองขอตรวจสอบเรื่องนี้โดยไม่ได้บอกโป้
เมื่อถามว่าเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ในฐานอะไร นายสันธนะ กล่าวว่า เงิน 2 ล้านถ้าได้ตรวจสอบแล้วเคลียก็จะโอนให้ ส่วนตัวก็อยากให้มีความชัดเจนมากกว่านี้ ตอนนั้นตนเองก็รู้สึก 50/50 คิดว่านายบิณฑ์ เป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ของโครงการได้รับอำนาจมา และให้โอนเงินบริจาคเข้าบัญชีบิณฑ์ แต่เมื่อทำหนังสือไปที่โครงการของรพ.ศิริราช และ มีการตอบกลับมาว่าตัวของนายบิณฑ์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการนี้เลย
ส่วนที่ไปแจ้งความดำเนินคดีนายบิณฑ์ วันนี้มีข้อหาอะไรบ้าง นายสันธนะ กล่าวว่า “ก็มีข้อหาพยายามฉ้อโกง ซึ่งข้อหานี้ โป้ ก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะมีการหลอกลวง โครงการนี้บิณฑ์ไม่ได้มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้อง และ วันนี้ผมรอเอกสารจากเขามาแสดงให้ผมได้เห็น เหมือนที่บิณฑ์ได้คุยกับโป้ ในวันแรกว่าโครงการเสื้อสีชมพูที่มีตราสัญลักษณ์แต่ผู้เดียว ซึ่งเป็นคำพูดที่เขาพูดกับโป้ ขณะเดียวกันผมก็ตรวจสอบทั้งรพ.มีหนังสือของคณบดีศิริราชพยาบาล และมีหนังสือของ ประธานกรรมการ ซึ่งเป็นหมอที่ริเริ่มโครงการนี้ และ ก็แจ้งว่าบิณฑ์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการนี้เลย โดยโครงการระบุวันที่ชัดเจน 1 ก.ย.-31 ธ.ค. 2563 ประธานโครงการนี้เมื่อศิริราชอนุมัติท่านก็โอนเงิน 12 ล้านบาทให้ศิริราชมูลนิธิ แล้วเบิกเสื้อมา 240,000 ตัว”
นายสันธนะ กล่าวอีกว่า เงิน 2 ล้านตอนนี้โป้ ยังไม่ได้โอน แต่เงินทั้งหมดอยู่กับตน อย่าไรก็ตาม สามารถดำเนินคดีพยายามฉ้อโกงได้ เพราะมีการแสดงเจตนาปิดบังข้อมูล และ ตอนนี้ตนเองก็รอเอกสาร ถ้ามีความบริสุทธิ์ใจจริงก็รีบนำเอกสารมาแสดงเลยว่าได้รับอนุญาตจริง
'สันธนะ' ร้องผบ.ตร. สอบดารานักบุญ แอบอ้างรับบริจาคหลักล้านทำเสื้อชมพู รพ.ศิริราช
เมื่อถามว่า รู้สึกลำบากใจไหมที่เป็นแบบนี้ เสี่ยโป้ กล่าวว่า อะไรที่ถูกต้องตนเองก็เป็นแบบนี้ ถึงแม้ต้นทุนทางสังคมไม่เท่ากัน แต่จิตใจคนไม่เหมือนกัน
ส่วนก่อนหน้านี้ ทั้ง 2 คนเหมือนจะรักกันดี เสี่ยโป้ กล่าวว่า “ผมไม่ค่อยสนิทกับเขา เจอกันก็แค่งานที่ไปร่วมรับเสด็จ ส่วนเรื่องเบื้องหลัง เบื้องลึกไม่มี ครั้งแรกที่เจอกันคือตอนน้ำท่วมที่ไปหาท่านประยุทธ์ ครั้งที่ 2 ก็เจอกันตอนไปร่วมรับเสด็จ ที่เขาบอกว่าผมไปเสนอ 20 ล้านบาท ผมเองบอกว่าพี่จะทำอย่างไรให้คนมาร่วมรับเสด็จให้มากที่สุด ผมยินดีมีงบอยู่ คนที่จะมาแต่ไม่มีเงินค่ารถ ไม่มีเงินค่ากินมาเอาที่ผมได้เลยจำนวน 20 ล้าน นี่คือการทำด้วยความเต็มใจ”
นายสันธนะ กล่าวว่า โป้เคยบริจาคเข้าบัญชีส่วนตัวของบิณฑ์จำนวนกว่า 1 ล้านบาท เมื่อครั้งน้ำท่วมปี2562 วันนี้ถ้ามีคุยเรื่อง 10 ล้าน หรือ 2 ล้านก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติ แต่สิ่งที่ผิดปกติเกิดจากตน การทำธุรกรรมทางการเงินร่วมกันแบบนี้ จะไว้ใจกันได้หรือไม่ ถ้าไม่ใช่บัญชีส่วนตัวตนก็เต็มใจ แต่บัญชีส่วนตัวจะเบิกจ่ายอะไรคนเดียวก็สามารถทำได้
“เสี่ยโป้” แจง ไม่รู้เรื่อง “สันธนะ” ร้องดาราดัง ปมซื้อเสื้อชมพู
ส่วนหลายคนที่ตัวกลางหลายคนเปิดรับบริจาค ก็ใช้บัญชีส่วนตัว นายสันธนะ กล่าวว่า วันนี้ที่ไปแจ้งความไม่ใช่แค่ความผิดข้อหาพยายามฉ้อโกง แต่เป็นความผิดพ.ร.บ.คอมพ์ ความผิดพ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไรด้วย ส่วนคนอื่นถ้าตนมีพยานหลักฐาน เหมือนกรณีของนายบิณฑ์ ตนเองก็จะดำเนินการเหมือนกัน
เมื่อถามว่าที่ออกมาในลักษณะนี้มีใบสั่งหรือไม่ นายสันธนะ กล่าวว่า ไปถามได้เลยว่ามีใครสั่งผมได้ ถ้าเขาสั่งผมได้คุมผมได้ไหม และคนอย่างผมใครจะคุมได้นอกจากที่บ้าน
ด้าน เสี่ยโป้ กล่าวว่า “ผมเองเคยบอกกับเขาว่าตอนนี้การเงินมีปัญหาเนื่องจากกำลังมีคดีความ และไม่สามารถข้ามชายแดนได้ เพราะบริษัทของผมอยู่ที่เขมร ผมข้ามไปเอาเงินกลับมาไม่ได้ และ 10 ล้านผมจะโอนเงินให้ครั้ง 2 ล้านจำนวน 5 ครั้ง ผมข้ามไปเอาเงินมาไม่ได้ แล้วพี่บิณฑ์ก็โทรหาเลขาผมว่าจะเสียเครดิต แต่ด้วยความที่เราอยู่ในสังคมนักธุรกิจ จะเสียเครดิตตรงนี้ไม่ได้ เรามีอุดมการณ์เดียวกันในเรื่องสถาบัน แต่ไม่มีอุดมการณ์ในเรื่องการเรี่ยไร หลังจากนี้จะไม่โอนเงินไปทำบุญกับใคร ก็จะทำบุญเองดีกว่า เพราะไม่อยากให้เรื่องลักษณนี้เกิดขึ้นอีก”
เมื่อถามว่า มีอะไรฝากไปยังบิณฑ์ หรือไม่ เสี่ยโป้ กล่าวว่า “ผมกลัวเรื่องตราสัญลักษณะเกี่ยวกับเบื้องสูง ถ้าไม่ได้เป็นจริงก็อยากให้ออกมาชี้แจง และ พี่บิณฑ์บอกว่าให้ผมออกมาพูดความจริง ถ้าข่าวไหนที่ผมไม่ได้พูดความจริงกับพี่บิณฑ์ พี่ก็โต้มาได้เลย”
ด้านนายสันธนะ ฝากถึงบิณฑ์ว่า “คุณเป็นบุคคลสาธารณะเป็นคนของสังคมแล้วไปยุ่งเกี่ยวกับเงินทองของคนทั่วไปคุณต้องยิ่งทำอะไรมากกว่าคำว่าโปร่งใส่ และ ต้องบริสิทธิ์ใจจริง คำว่าเชื่อใจ ไว้ใจ ใช้ไม่ได้ ต้องทำให้โปร่งใส่ ส่วนจะดำเนินคดีกลับก็รีบเลยผมท้าเขาทุกวัน และ ไม่ต้องมาพูดว่าจะดำเนินคดี ให้มาพบกันต่อหน้าก็ยังไม่มาเลย สุดท้ายก็สู้กันตามกระบวนการทางกฎหมาย”