36ข่าวแห่งปี พิษโควิด-19 ป่วนเศรษฐกิจโลก


โดย PPTV Online

เผยแพร่




พีพีทีวี นิวมีเดีย คัดเลือก 36 ข่าวแห่งปี 2563 ผลพวงจากโควิด-19 กระทบภาคการเงินการลงทุน หุ้นดิ่ง น้ำมันร่วง ทองพุ่ง ทุบสถิติรายวัน ก่อนที่จะเริ่มมาดีดตัวขึ้นในช่วงที่มีความคืบหน้าวัคซีนโควิด-19 แต่ก็ยังมีความผันผวนสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการระบาดรอบใหม่กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง

ราวเดือน มี.ค. ทันทีที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ (ในขณะนั้น) ประกาศห้ามการเดินทางจาก 26 ประเทศในยุโรปไปยังสหรัฐฯเป็นเวลา 30 วัน โดยมีผลตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 13 มีนาคม เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19

36ข่าวแห่งปี : สารพัดมาตรการเยียวยาฝ่า โควิด-19

36ข่าวแห่งปี : โควิด-19 พ่นพิษ หลายกิจการไปต่อไม่ไหว “ปิดกิจการ – เลิกจ้าง”

ตลาดหุ้นดาวน์โจนดิ่งเหวทันทีกว่า 2,300 จุด หรือคิดเป็น 10%  โดยเป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลงตามๆ กัน รวมถึงไทย ปรับลดลงทั้งหมดต่อเนื่องเช่นกัน

ครึ่งปี 63 โควิด-19 ฉุดเศรษฐกิจไทยทรุดหนัก!

วิเคราะห์สถานการณ์ ไวรัสโควิด-19 พ่นพิษสะทือนทั้งโลก

โดยตลาดหุ้นไทย วันที่ 12 มี.ค. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตัดสินใจหยุดทำการซื้อขายหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราว เซอร์กิตเบรกเกอร์ (Circuit Breaker) 30 นาที ตั้งแต่เวลา 14:38 ถึง 15:08 น. เนื่องจาก ดัชนีราคาหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง 125.05 จุด คิดเป็น 10.00% จากดัชนีราคาปิดวันทำการก่อนหน้า (Circuit Breaker Level 1)

ไม่เพียงเท่านั้น วันต่อมาตลาดหุ้นไทยเปิดการซื้อขายได้ไม่ถึง 2 นาที ดัชนีปรับลดลงทันที่กว่า 100 หรือกว่า 10% ตลาดหลักทรัพย์จึงตัดสินใจใช้ มาตการเซอร์กิตเบรกเกอร์ หรือ หยุดการซื้อขายอีก 30 นาที

โควิด-19 ฉุดหุ้นไทยดิ่งกว่า 100 จุด หลังเซอร์กิตเบรกเกอร์ 30 นาที

กังวลโควิด-19 "เซอร์กิตเบรกเกอร์ เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 3 สัปดาห์" หลังหุ้นร่วง 8% ตามเกณฑ์ใหม่

แต่เมื่อกลับมาเปิดซื้อขายอีกครั้งประมาณ 10.30 น. ดัชนีหุ้นไทยก็ปรับลดลงต่ออีก โดยดัชนีอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 1,000 จุด ส่งผลให้ตลอดการซื้อขายหุ้นไทยช่วงนั้นค่อนข้างผันผวน

ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ พบว่า ดัชนีหุ้นไทยลดลงราว 20-25% จากช่วงต้นปีนี้ ถือว่าลดลงมากกว่าดัชนีหุ้นทั่วโลกที่ปรับลดลงเฉลี่ย 10-15% ทางตลาดหลักทรัพย์มองว่า ตลาดมีความกังวลสูงทำให้ผลกระทบรุนแรงกว่าที่ควรเป็น

ต่อมา ทางตลาดหลักทรัพย์ ได้ออกมาตรการช่วยเหลือบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ ผ่านการลดค่าธรรมเนียมด้านต่างๆ โดยจะช่วยลดค่าใช้จ่ายของบริษัทต่างๆ ราว 500 ล้านบาท ผ่าน 3 มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการตลาดทุนเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้แก่

1.มาตรการช่วยเหลือบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์แบ่งเป็นการลดค่าธรรมเนียมนายทะเบียนรายปี 20% ในปี 2563 ทั้ง บจ., บล. และ บลจ. เช่น การลดค่าธรรมเนียมรายปีแก่บริษัทจดทะเบียนที่เข้าร่วมกิจกรรม Opp Day ในปี 2563-2564 ตามเงื่อนไขที่กำหนด

2.มาตรการช่วยเหลือบริษัทสมาชิก

2.1 มาตรการลดต้นทุนการทำธุรกรรมใน TFEX ลดค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรม เช่น การใช้บริการระบบสตรีมมิง

2.2 มาตรการสนับสนุนบริษัทผู้ออก DW

2.3 มาตรการสนับสนุนสมาชิกในการให้บริการผู้ลงทุนบุคคล

3.มาตรการช่วยเหลือสมาชิกผู้ฝากหลักทรัพย์ ลดค่าธรรมเนียมรักษาหลักทรัพย์ 20% ตั้งแต่ 1 เมษายน ถึง 31 ธันวาคม 2563 แก่ บล. และคัสโตเดียน

โดย นาย ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กล่าวเมื่อวันที่ 12 มี.ค.ว่า เมื่อดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับลดลงเกือบ 6% ส่งผลให้ตลาดหุ้นในเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไทยลดลงตาม โดยล่าสุดดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ปรับลดลงกว่า 8.8% จากการเปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ สาเหตุหลักเพราะปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นโลกและผลกระทบจากโควิด-19

หลังจากนั้นเป็นต้นมา ตลาดหุ้นไทยและหุ้นทั่วโลกยังคงอยู่ในความผันผวนตามสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างหุ้นของไทยในบางช่วงหลุดลงไปต่ำกว่า 1,300 จุด เนื่องจากความกังวลการแพร่ระบาดรอบสอง ตัวเลขประมาณการณ์เศรษฐกิจต่างๆ ที่ไม่สู้ดีนัก ตลอดจนมาตรการการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจที่ล่าช้าของสหรัฐ ยอดคนตกงานที่สูงเป็นประวัติการณ์ เป็นต้น

พ.ย. ดาวโจนส์พุ่งขานรับความคืบหน้าวัคซีนโควิด-19

จนกระทั่ง เริ่มมีความคืบหน้าเรื่องของการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 โดยบริษัท ไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ และ BioNTech บริษัทยาของเยอรมนี แถลงผลการทดลองบ่งชี้ว่า วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งไฟเซอร์และ BioNTech พัฒนาร่วมกัน มีประสิทธิภาพมากกว่า 90% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19 สำหรับผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อมาก่อน ส่งผลให้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทดีดตัวขึ้น ดัรดาวน์โจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 1,500 จุด  ซึ่งแน่นอนว่าก็ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงหุ้นไทยเช่นเดียวกัน แม้ว่าจะมีปัจจัยทางการเมืองแทรกเข้ามาบ้างก็ตาม

แต่อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ จ.สมุทรสาคร 548 ราย รวมถึงที่ จ.อยุทธยา ต้องติดตามดูว่าจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อตลาดหุ้นไทยมากน้อยแค่ไหน

ดาวโจนส์ทะยาน น้ำมันพุ่ง ทองร่วง รับข่าว “ไฟเซอร์ อิงค์” แถลงวัคซีนโควิด-19 ได้ผล 90%

“ทอง”สวนทางพุ่งขึ้นทุบสถิติรายวัน

แน่นอนว่าเมื่อหุ้นดิ่ง นักลงทุนแห่ไปลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ ส่งผลให้ในช่วงปีนี้ท่ามกลางการแพร่ระบาดโควิด-19 ราคาทองคำตลาดโลก ปรับขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบใหม่ ทะลุ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และทำให้ทองไทยไต่ระดับทะยานขึ้นตามไปเช่นกันจนทะลุ 30,000 บาทครั้งแรกในประวัติการณ์ ภาพคนต่อคิวเทขายทองคำที่เยาวราชยาวสุดหัวถนน

นักลงทุนกังวลโควิด-19 หันลงทุนทองคำ มากสุดเป็นประวัติการณ์

นางสาวศิริลักษณ์  ปโกฏิประภา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส เฮง เปิดเผย (5 ส.ค.) ว่า ราคาทองคำ ที่พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มีปัจจัยหนุนมาจากการที่รัฐบาลสหรัฐฯประกาศวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มอีก 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐจากสถานการณ์โควิด-19  ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง รวมถึงข่าวเหตุระเบิดที่กรุงเบรุต ประเทศเลบานอน ล้วนเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาทองคำแท่งมีโอกาสยืนระดับ 30,000 บาทได้ภายในปีนี้

และอีกเช่นกันเมื่อข่าวความคืบหน้าพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ดันหุ้นพุ่งขึ้น ราคาทองก็ดิ่งเหวสวนลงมา โดยช่วงเช้า (12 ส.ค.) ราคาทองลงแรงทีเดียว 1,400 บาท และมีช่วงหนึ่งที่ลดลงไปถึง 1,550 บาท จากนั้นตลอดวันผันผวนอีก 42 ครั้ง โดย บทวิเคราะห์จากบริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ระบุ ณ เวลานั้นว่า แรงกดดันจากหลายปัจจัย ได้แก่

ราคาทองร่วงทีเดียว 1,400 บาท

5 สาเหตุ ดึง “ราคาทองคำในประเทศ” ร่วงแรง ตลอดวันผันผวนหนัก 42 ครั้ง

"ราคาทอง" ทุบสถิติเข้าใกล้ 30,000 บาท

1. ข่าวที่ว่ารัสเซียประกาศว่าได้อนุมัติวัคซีนต้านโควิด-19 เป็นประเทศแรกของโลกช่วยจุดประกายความหวังเกี่ยวกับการแข่งขันกันผลิตวัคซีนดังกล่าว

2.การเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือน ก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน “สูงกว่า” ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ว่า ดัชนี PPI จะปรับตัวขึ้น 0.3%

3.บอนด์ยีลด์สหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนที่ 0.655% หลังแตะระดับ 0.661% ซึ่งเป็นระดับสูงสุด นับตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค.โดยพุ่งขึ้นจากระดับตํ่าสุด 0.504% ในวันพฤหัสบดีที่แล้ว หลังจากมีแรงขายพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐดีเกินคาดต่อเนื่อง รวมถึงข่าวรัสเซียจดทะเบียนวัคซีนต้านโควิด-19

4. ดัชนีดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น 0.05% ขณะที่การอ่อนค่าของดอลลาร์ชะลอตัวอย่างชัดเจนนับตั้งแต่ตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐดีเกินคาด

และ 5.แรงขายทางเทคนิค(Sell Stop) หลังราคาทองคําร่วงหลุดแนวรับหลายแนว ปัจจัยที่กล่าวมากดดันให้ราคาร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ ต่อเนื่องมาจนถึงเช้าวันนี้จนหลุด 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคําลดลง -4.19 ตัน และจนถึงปัจจุบันราคาทองยังผันผวนประกอบกับปัจจัยเรื่องค่าเงินแข็งค่าเข้ามามีส่วนกดดันราคาทองอีกทางหนึ่ง

พิษโควิด-19 ลามสงครามน้ำมัน

อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้หุ้นดิ่งเหว คือ ปัจจัยจากราคาน้ำมันดิบที่ทรุดตัวลงอย่างหนัก เมื่อความต้องการใช้น้ำมันลดลง จากการปิดประเทศทั่วโลก การเดินทางระหว่างประเทศหยุดชะงัก ขณะที่ กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และพันธมิตรที่นำโดยรัสเซีย ประสบความล้มเหลวในการทำข้อตกลงปรับลดการผลิตน้ำมันในการประชุมที่กรุงเวียนนา ส่งผลให้ ซาอุดีอาระเบีย เปิดฉากทำสงครามราคาน้ำมัน ด้วยการประกาศลดราคาขายน้ำมันอย่างเป็นทางการ (OSP) และการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย

ดังนั้น ช่วงเดือน มี.ค. เราจึงได้เห็นการปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันรายวัน ซึ่ง นายวัฒนพงษ์  คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน  (สนพ.) เปิดเผย (21 เม.ย.) ว่า

สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกในช่วงที่ผ่านมายังปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยความต้องการลดลงต่ำสุดในรอบ 25 ปี ขณะที่รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ เพิ่มสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ปี 2563 ที่ทั่วโลกเผชิญกับโควิด-19 ตัวเลขผู้ป่วยที่พุ่งสูงขึ้น หลายประเทศระบาดซ้ำ คู่ขนานไปกับการพัฒนาวัคซีนที่แม้จะมีความคืบหน้าแต่ก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จเมื่อไหร่  ปัจจัยเหล่านี้ล้วนซ้ำเติมเศรษฐกิจซึ่งมีการคาดการณ์กันว่าต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 ปี จึงเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวแบบก่อนเกิดการระบาด

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ