นายกฯใช้ ม.44จัดการเด็กแว้น-คุมร้านเหล้า


โดย PPTV Online

เผยแพร่




พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ใช้อำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2557 ออกกฎเหล็กคุมเข้มเด็กแว้น และร้านเหล้าใกล้สถานศึกษา


วันนี้ ( 23 ก.ค. 58 ) คำสั่งหัวหน้า คสช.ดังกล่าวเป็นฉบับที่ 22/2558 เรื่องมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทาง และการควบคุมสถานบริการหรือสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ


สาระสำคัญของคำสั่ง แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถ หรือที่เรียกกันติดปากว่า "เด็กแว้น" มี 3 มาตรการสำคัญ ประกอบด้วย


1.ห้ามมีการรวมกลุ่มหรือมั่วสุมหรือจัดให้มีการรวมกลุ่มมั่วสุมที่น่าจะนำไปสู่การแข่งรถโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยเพิ่มอำนาจให้เจ้าพนักงานสามารถนำรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่สงสัยว่าจะใช้ในการแข่งรถมาเก็บรักษาไว้เป็นการชั่วคราว ทั้งนี้ให้รวมไปถึงรถของผู้ที่อยู่ในบริเวณเดียวกับจุดเกิดเหตุด้วย เว้นแต่ผู้นั้นจะพิสูจน์ได้ว่าตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแข่งรถ


2.กรณีที่พบเด็กและเยาวชนรวมกลุ่มหรือมั่วสุม ให้ถือว่าเป็นความรับผิดชอบของบิดามารดาหรือผู้ปกครองของเด็กและเยาวชนนั้นด้วย โดยเจ้าพนักงานมีอำนาจเรียกบิดา มารดา หรือผู้ปกครองเข้ามารับทราบการกระทำเพื่อให้คำแนะนำ ตักเตือน ทำทัณฑ์บน หรือวางข้อกำหนดเพื่อป้องกันมิให้เด็กและเยาวชนกระทำความผิดอีก หรืออาจให้วางเงินประกันไว้ได้ไม่เกินระยะเวลา 2 ปี หากเด็กและเยาวชนกระทำความผิดซ้ำอีก บิดามารดาหรือผู้ปกครองต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ริบเงินประกันเป็นของกองทุนคุ้มครองเด็กตามกฎหมายว่าด้วยคุ้มครองเด็ก


3.เอาผิดกับผู้ผลิต ครอบครอง จำหน่าย ประกอบ ดัดแปลง หรือเปลี่ยนแปลงสภาพรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ หรือการทำชิ้นส่วนพิเศษหรืออุปกรณ์สำหรับรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ หากมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อนำไปสู่การแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ โดยผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


หากผู้กระทำเป็นผู้ประกอบกิจการ โรงงาน หรืออาคารที่เกี่ยวกับการผลิต ครอบครอง จำหน่าย ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบสั่งปิดการดำเนินการ หรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการได้ทันที และให้คำสั่งถือเป็นที่สุด


เป็นมาตรการเกี่ยวกับการควบคุมสถานบริการหรือสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ มี 3 ข้อหลักๆ เช่นกัน คือ


1.ห้ามมิให้ผู้ประกอบกิจการสถานบริการหรือสถานประกอบการใดที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ (1) ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้ผู้มีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์เข้าไปใช้บริการ (2) ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่ผู้มีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์ (3) เปิดทำการเกินกว่าเวลาตามที่มีกฎหมายบัญญัติ (4) ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินกว่ากำหนดเวลาตามที่มีกฎหมายบัญญัติ (5) ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้มีการพกพาอาวุธ วัตถุระเบิด หรือยาเสพติดเข้าไปในสถานที่ของตน


หากสถานประกอบการใดกระทำการดังกล่าว ให้ผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องมีอำนาจเพิกถอนใบอนุญาต หรือสั่งปิด และห้ามมิให้มีการเปิดสถานบริการหรือสถานประกอบการในสถานที่ดังกล่าวอีกเป็นเวลาห้าปี หากอยู่ในระหว่างการขอต่ออายุใบอนุญาต ก็ให้สั่งมิให้ต่ออายุใบอนุญาต และมิให้ออกใบอนุญาตให้แก่ผู้นั้นเป็นเวลาห้าปี


2.ห้ามมิให้มีสถานที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงสถานศึกษาหรือหอพักในบริเวณใกล้เคียงสถานศึกษา หากพบว่ามีผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสั่งปิดได้ทันที


ในกรณีที่สถานที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น เป็นสถานบริการหรือสถานประกอบการที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงกับสถานศึกษาหรือหอพัก ก็ห้ามมิให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่ดังกล่าวด้วย หากฝ่าฝืนให้ผู้มีอำนาจตามกฎหมายสั่งเพิกถอนใบอนุญาตหรือสั่งปิดสถานประกอบการ และห้ามมิให้มีการเปิดสถานบริการหรือสถานประกอบการในสถานที่ดังกล่าวอีก


3.เป็นกรณีที่สถานบริการหรือสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญทางเสียงแก่ผู้อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียง ให้เจ้าพนักงานสาธารณสุข เจ้าพนักงานตำรวจ และเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง สั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองสถานที่ดังกล่าวดำเนินการปรับปรุงแก้ไขให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวัน กรณีฝ่าฝืน ให้สั่งปิดหรือเพิกถอนใบอนุญาต


คำสั่งหัวหน้า คสช.ยังกำหนดมาตรการเอาผิดจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปล่อยปละละเลยด้วย โดยให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุของเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นดำเนินการทางแพ่ง ทางอาญา และทางปกครองกับเจ้าหน้าที่ผู้นั้นอย่างเฉียบขาดและรวดเร็ว


กรณีที่หัวหน้าส่วนราชการหรือผู้บังคับบัญชาปล่อยปละละเลย ให้นำมาตรการที่กำหนดไว้ในคำสั่ง คสช.ที่ 69/2557 เรื่อง มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบ ลงวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ.2557 มาใช้บังคับ


วันเดียวกัน พลเอกประยุทธ์ ยังได้ลงนามในคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 21/2558 เรื่องการกำหนดตำแหน่งเพิ่มและการแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง โดยให้ พลโทพงศกร รอดชมภู พ้นจากตำแหน่งรองเลขาสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือรองเลขาฯสมช. ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ และให้ นายปกรณ์ ศรีจันทร์งาม พ้นจากตำแหน่งผู้ช่วยเลขาธิการ สมช. ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ สมช. โดยให้มีผลทันที


สำหรับ พลโทพงศกร จบโรงเรียนเตรียมทหารรุ่น 14 หรือ ตท.14 รุ่นเดียวกับ พลโทภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการ สมช.ที่ถูกสั่งย้ายไปตั้งแต่ช่วงแรกๆ ที่ คสช.เข้าควบคุมอำนาจการปกครอง

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ