นายวันชัย ศักดิ์อุดมไชย อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์อากาศในช่วงวันที่ 13-15 เม.ย.นี้ ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ ว่าอุณหภูมิจะสูงได้ถึง 43-44 องศา โดยพื้นที่ที่อาจจะมีอุณหภูมิ 43-44 องศา ได้แก่ บริเวณภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลางตอนบน เช่น จ.สุโขทัย และจ.อุตรดิตถ์ ส่วนกรุงเทพฯ คาดว่า ช่วงวันที่ 13-15 เม.ย.นี้ อุณหภูมิจะอยู่ที่ 37-39 องศา โดยพื้นที่บริเวณกลางเมืองกรุงเทพฯ จะมีอุณหภูมิอยู่ที่ 37-38 องศา
สำหรับภาคเหนือ คาดว่า ระหว่างวันที่ 13-15 เม.ย.นี้ อุณหภูมิจะอยู่ที่ 42-43 องศา, ภาคอีสาน อุณหภูมิจะอยู่ที่ 41-42 องศา , ภาคกลาง อุณหภูมิจะอยู่ที่ 38-40 องศา และภาคใต้อุณหภูมิจะอยู่ที่ 36-39 องศา
นายวันชัย กล่าวต่อว่า จากนั้นช่วงวันที่ 15-17 เม.ย.นี้ อาจมีฝนฟ้าคะนองได้ เนื่องจากลมตะวันออกเฉียงใต้พัดความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามา และลมตะวันตกพัดความชื้นจากทะเลอันดามันเข้ามาทำให้อาจเกิดฝนฟ้าคะนองและพายุฤดูร้อนได้
ด้วยสภาพอากาศที่ร้อน กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาเตือนเรื่องโรคที่เกิดจากอากาศร้อนซึ่งพบบ่อยและเป็นอันตรายถึงเสียชีวิต คือ โรคลมแดดหรือฮีทสโตรก (Heat Stroke) ซึ่งเป็นกลุ่มอาการเจ็บป่วยที่รุนแรง เกิดจากการออกกำลังกายหรือทำงานในที่อากาศร้อนจัดเป็นเวลานานจนร่างกายไม่สามารถปรับตัวหรือควบคุมระดับความร้อนในร่างกายได้ มีผลกับการทำงานของระบบหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งระบบประสาทส่งผลทำให้เสียชีวิตจากอวัยวะต่างๆ ทำงานล้มเหลวได้
สำหรับอาการของผู้ที่เป็นลมแดด ได้แก่ อ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน ไม่มีเหงื่อออก รู้สึกกระหายน้ำมาก ตัวร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ความร้อนในร่างกายสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส ปวดศีรษะ ความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นเร็ว หายใจเร็ว เพ้อ ชัก มึนงง หน้ามืด หากไม่ได้รับการดูแลอย่างทันท่วงทีอาจทำให้หมดสติและเสียชีวิตได้ ทั้งนี้ หากพบผู้มีอาการโรคลมแดด ขอให้รีบนำเข้าที่ร่ม อากาศถ่ายเทสะดวก ให้นอนราบยกเท้าทั้งสองข้างขึ้นสูงเพื่อเพิ่มการไหลเวียน ถอดเสื้อผ้าให้เหลือน้อยชิ้น คลายชุดชั้นใน ใช้ผ้าชุบน้ำเย็น น้ำแข็งประคบตามซอกคอ หน้าผาก รักแร้ ขาหนีบร่วมกับใช้พัดลมเป่า เพื่อระบายความร้อนและลดอุณหภูมิร่างกายให้ต่ำลงอย่างรวดเร็วที่สุด หากไม่หมดสติให้ดื่มน้ำเปล่ามากๆ และนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว
สำหรับวิธีป้องกันโรคลมแดด ให้พยายามหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดจัด ควรอยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่ออกกำลังกายหรือทำงานกลางแดดเป็นเวลานาน หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรดื่มน้ำชั่วโมงละ 1 ลิตร แม้จะไม่รู้สึกกระหายน้ำ สวมเสื้อผ้าที่โปร่งสบาย สีอ่อน ระบายอากาศได้ดี ไม่รัดรูป สวมแว่นกันแดด กางร่ม ทาโลชั่น ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่าปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำจนรู้สึกกระหายหรือริมฝีปากแห้ง ควรดื่มน้ำ 1-2 แก้วก่อนออกบ้านในวันที่อากาศร้อน เลือกออกกำลังกายการช่วงเช้าหรือเย็น หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ดูแลไม่ให้เด็ก ผู้สูงอายุ อยู่กลางแดดหรือในรถที่จอดตากแดด ผู้มีโรคเรื้อรังให้รับประทานยาตามแพทย์สั่ง