วันนี้ (2 พ.ค. 59) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ที่ประเทศเวเนซุเอลา ประธานาธิบดีนิโกลัส มาดูโร นำกลุ่มผู้ใช้แรงงาน เดินขบวนเนื่องในวันแรงงานสากล หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ออกมาประกาศจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอีกร้อยละ 30 โดยนายมาดูโรระบุว่า ปี 2014 และ ปี 2015 เป็นปีที่ยากลำบาก เนื่องจากต้องเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อ ปัญหาการขาดแคลนพลังงาน และสินค้าอุปโภคบริโภคขึ้นราคา ขณะที่รายได้จากการส่งออกน้ำมันเมื่อปีที่ผ่านมาก็ลดลงถึง 5.7%
ส่วนที่ประเทศเยอรมนี กลุ่มผู้ใช้แรงงานกว่า 2000 คน นัดหมายชุมนุมที่เมืองฮัมบูร์ก จนกระทั่งผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งขว้างปาขวดและก้อนหินใส่เจ้าหน้าที่ จนบรรยากาศตึงเครียด เจ้าหน้าที่ต้องเข้าระงับการชุมนุมเพื่อไม่ให้สถานการณ์บานปลาย มีรายงานผู้ประท้วงถูกควบคุมตัวไปหลายคน
ขณะที่ที่ฝรั่งเศสปีนี้รุนแรงกว่าหลายปีที่ผ่านมา หลังตำรวจปราบจลาจลและกลุ่มผู้ประท้วงร่างกฎหมายปฏิรูปฉบับใหม่เกือบ 2 หมื่นคน ปะทะกันอย่างดุเดือด เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางควบคุมการชุมนุม บริเวณจัตุรัส ปลาซ เดอ ลา นาซิออง และปลาซ เดอ ลา รีพับบลิค ในกรุงปารีส มีรายงานผู้บาดเจ็บจำนวนหนึ่ง
โดยตุรกี ก็มีการชุมนุมประท้วงเช่นกัน ซึ่งตำรวจปราบจลาจล ได้ยิงแก๊สน้ำตาและใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูง สลายกลุ่มผู้ประท้วงที่พยายามเดินขบวนไปยังจัตุรัสทักซิม ในนครอิสตันบูล
ส่วนที่ฟิลิปปินส์เอง มีผู้ประท้วงฝ่ายซ้ายประมาณ 2,000 คน ปะทะกับตำรวจปราบจลาจล ใกล้กับสถานทูตสหรัฐ ในกรุงมะนิลา โดยตำรวจปราบจลาจลต้องใช้โล่ และปืนฉีดน้ำแรงดันสูง เพื่อให้กลุ่มผู้ประท้วงถอยร่นออกไป