นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา ตอกย้ำเสมอ ตั้งแต่วันแรกเข้ามาบริหารประเทศ ว่าไทยคืออาเซียนฮับ ในประเด็นการท่องเที่ยว โลจิสติกส์ เกษตรกรรม การลงทุนและบริการ ฯลฯ ปรากฎว่าสองปีกว่าที่ผ่านมา รวมทั้งสองร้อยวันกว่าวันที่ผ่านมาของประชาคมอาเซียน ไทยเรายังไม่ได้เป็นอาเซียนฮับอย่างที่ตั้งใจ ที่ไม่ประสบความสำเร็จ สืบเนื่องจากหน่วยงานรัฐต่างๆ ไม่ได้ประสานงาน ต่างฝ่ายต่างทำ งบใครงบมัน ไม่ยอมให้ก้าวก่ายหรือประสานงาน
มีใครบ้างที่รู้ว่า ประเทศไทยมีกำแพงขีดกีดกั้นการค้าที่ไม่ได้เป็นภาษีมากที่สุดในอาเซียน น่าอับอายมาก ขณะนี้ไทยมีถึง 1,630 มาตรการที่ทำให้สินค้าต่างๆ สั่งเข้าในไทยต้องเสียเวลาตรวจสอบหรือติดชะงักที่ด่านท่าเรือหรือสนามบินแห่งใดแห่งหนึ่ง
ในจำนวนมาตรการทั้งหลายนี้ ส่วนใหญ่เป็นข้ออ้างแทบทั้งสิ้นในเรื่องสุขอนามัยและปัญหาทางด้านเทคนิค ใครๆก็รู้ ประเด็นเหล่านี้ ถ้ารัฐบาลต้องการแก้ไขจริงๆ สามารถทำได้ทันที่ เพราะมาตรการเหล่านี้ขึ้นอยู่แต่ละกระทรวงที่จะเสนอตัวเองเข้ามา ประเด็นละเอียดอ่อนเพราะว่ามีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องในทุกระดับ
ในสมาชิกอาเซียน ประเทศที่มีกำแพงกีดกั้นการลงทุนการค้ารองลงมาจากไทยคือ ฟิลิปปินส์ ซึ่งมีถึง 854 อันดับสามคือมาเลเซียมีไม่น้อยถึง 713 ส่วนอินโดนีเซียตามมาติดๆ มี 638 มาตรา
ประเทศเมียนมามีมาตรการกัดกั้นการค้าน้อยที่สุดในอาเซียนมีเพียง 172 มาตราเท่านั้น ถือเป็นเศรษฐกิจน้องใหม่เปิดใหม่ ยังต้องในช่วงปรับตัว ยังต้องการศึกษาและร่างกฎหมายใหม่มารองรับการค้า การลงทุนในยุคสมัยประชาคมอาเซียน เมียนมาจะได้เปรียบมากเพราะมีการกีดกั้นน้อย
ส่วนไทยนั้นเป็นระบอบธุรกิจนายทุนมาเป็นเวลาช้านาน จึงมีมาตรการออกมาเยอะแยะเพื่อส่งเสริมนักลงทุนภายในถึงแม้ว่าจะไม่มีประสิทธิภาพก็ตาม แทนที่จะสนับสนุนการลงทุนอย่างที่คิดไว้ กลับกลายเป็นอุปสรรคต่อการส่งเสริมการค้าภายในกรอบประขาคมอาเซียน
ระหว่างสมาชิกใหม่อาเซียนเวียดนามมีมาตราการการค้าการลงทุนที่มีพัฒนาการสูงสุด มีกรอบการค้าเสรีกับ 16 ประเทศและยังมีอีก 7 ประเทศที่กำลังเจรจา ทั้งๆ ที่ระบอบเศรษฐกิจเวียดนามยังไม่ได้ถือว่าเป็นทุนนิยมเต็มตัว ที่ทำเช่นนั้นได้เพราะพรรคคอมมิวนิสต์ตัดสินใจทันทีและสามารถนำไปปฎิบัติได้ ไม่เหมือนไทยที่ชอบชักเข้าชักออก จนน่าเบื่อ ถึงแม้ว่าไทยเราจะเป็นประเทศแรกๆ ที่ได้ถูกทาบทามให้เข้าเขตการค้าเสรีเอเชียแปซิฟิกหรือทีพีพี--Trans Pacific Partner
สาเหตุใหญ่ คือขาดความโปร่งใสในระเบียบ ข้อบังคับ นักลงทุนหรือทำธุรกิจนั้นเขาไม่ห่วงหรอกว่ามาตราการนั้นมีอะไรมากมายแค่ไหน ขอให้บอกมาตรงๆ ว่ามีอะไร ไม่ใช่แอบแฝงอยู่ในที่ใดที่หนึ่ง เพราะการค้า การลงทุนในไทยมักจะเจอตอผุดออกมาตรงประตูสุดท้าย ทำให้เสียอารมณ์ไปหมด
มาตรการกีดกันเหล่านี้ ถ้าเป็นที่รู้ถึงกันทั่วไป และเข้าใจกันก่อน จะไม่เป็นปัญหา นักลงทุนสามารถปรับตัวเองเพื่อตอบสนองมาตราการต่างๆ ที่ออกมา
ตอนนี้รัฐบาลกำลังเร่งแก้กฎหมายในสามเรื่องใหญ่ คือ การค้าอี-คอมเมิร์ช ความมั่นคงทางทะเล และอนาคตแรงงานต่างชาติที่มีฝีมือและไร้ฝีมือ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลไทยคิดว่าแรงงานที่มาบ้านเราเหมือนกันหมด ภายใต้กฎข้อบังคับอาเซียน เราต้องมีมาตรฐานแน่นอน มีแปดกลุ่มที่ต้องอนุญาตตามข้อตกลง ไทยราใจแคบไม่ค่อยปล่อยใบอนุญาตในสาขาต่างๆ ที่ทำกันอยู่ใช้วิธีการที่ไม่ถูกต้องหรือถูกตามขั้นตอน
ไทยเป็นอาเซียนฮับได้ทันที ถ้ารัฐบาลชุดนี้เอาจริง ทำจริง สั่งให้หน่วยงานประสานงานกันจริงๆ ใครไม่ทำลงโทษแบบที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในการปราบการค้ามนุษย์ ตอนนี้ไทยต้องแก้กฎหมายล้าสมัยที่เหลืออยู่ไม่เกิน 29 ฉบับต้องทำแบบเร่งด่วน นี่คือโอกาสทองของไทย