นักวิจัยจากโรงเรียนแพทย์ ของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน เซนต์หลุยส์ ศึกษาผลกระทบของเชื้อไวรัสซิกาต่อดวงตา โดยทำการทดลองให้หนู 3 กลุ่ม คือ หนูในระยะตัวอ่อน หนูแรกเกิด และหนูโตเต็มวัย ติดเชื้อผ่านทางผิดหนัง เช่นเดียวกับการติดเชื้อจากการถูกยุงกัด พบว่า ดวงตาเป็นแหล่งกักเก็บเชื้อไวรัสซิกา เนื่องจากพบเชื้อดังกล่าวยังมีชีวิตและแพร่กระจายอยู่ในดวงตาของหนูทดลอง ซึ่งการค้นพบนี้อาจช่วยอธิบายได้ว่า เหตุใดผู้ป่วยไวรัสซิกาบางรายจึงมีอาการโรคตารวมอยู่ด้วย และบางรายที่เป็นรุนแรงอาจถึงขั้นตาบอด
อย่างไรก็ตาม ทีมนักวิจัยยังต้องศึกษาเพิ่มเติมว่า เชื้อไวรัสเข้าสู่ดวงตาได้อย่างไร รวมไปถึงเชื้อไวรัสนี้จะสะสมอยู่ในตาของผู้ติดเชื้อที่เป็นมนุษย์ด้วยหรือไม่ และคงอยู่ได้นานเท่าใด เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่เชื้อจะแพร่กระจายผ่านทางน้ำตา
ขณะที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกคำแนะนำให้ชายและหญิงที่มีประวัติเดินทางไปยังพื้นที่ระบาด มีเพศสัมพันธ์แบบปลอดภัยอย่างน้อย 6 เดือน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้ออีกทางหนึ่ง ซึ่งคำแนะนำดังกล่าวครบอคลุมไปถึงกลุ่มคนที่ไม่มีอาการป่วยด้วย
ส่วนสถานการณ์ไวรัสซิกาในประเทศสิงคโปร์ ล่าสุด พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 17 คน ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 275 คนแล้ว ขณะที่เมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรีลี เซียน ลุง ของสิงคโปร์ ได้ขึ้นกล่าวบนเวทีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่กรุงเวียงจันทน์ ประเทศลาว ระบุว่า รัฐบาลสิงคโปร์ได้ยกระดับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ หลังพบผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง พร้อมเรียกร้องให้ชาติอาเซียนร่วมมือกันหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อ