กรณีการเกิดกระแสในสื่อสาธารณะหรือโซเชียลมีเดียจากคนบางกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการนำตัวทศกัณฐ์ออกมาประชาสัมพันธ์ทางสื่อวิดีโอหรือเอ็มวีเรื่อง "เที่ยวไทยมีเฮ" โดยมีทศกัณฐ์ไปอยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ด้วยท่าทางที่ไม่เหมือนในรูปแบบเดิม เช่น ปั่นจักรยาน ชมสถานที่ท่องเที่ยวรวมถึงวัดร่องขุ่น ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมือง จ.เชียงราย สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของไทยโดยมีอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติที่สร้างศิลปะวัดร่องขุ่นไปอยู่ในเอ็มวีดังกล่าวด้วย ฯลฯ นั้น พบว่าที่วัดร่องขุ่นยังคงมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศเดินทางไปเยือนเป็นจำนวนมากเช่นเดิม
อาจารย์เฉลิมชัย เปิดเผยว่าศิลปะนั้นมีอยู่ 2 อย่าง คือ ศิลปะอนุรักษ์นิยมและศิลปะร่วมสมัย ซึ่งพวกเราจะต้องอนุรักษ์เอาไว้ทั้ง 2 อย่างคู่กัน ซึ่งประเทศที่พัฒนาแล้วทำกันแบบนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่า พวกเราต่างไม่รู้เรื่องศิลปะแล้วพากันดื้อดึงไปด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย โดยคนอนุรักษ์ที่จะเอาแต่อนุรักษ์จะพัฒนาได้อย่างไร ส่วนคนรุ่นใหม่จะทำสิ่งใดก็ต้องระวังอย่าเกินเลย แต่กรณีของยักษ์ทศกัณฐ์ในเอ็มวี อาจารย์เฉลิมชัยมองว่าไม่ได้เกินเลย ถือเป็นการพัฒนางานศิลปะของชาติไปสู่ความเป็นศิลปะร่วมสมัย เท่าทันกับคนรุ่นใหม่ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดี เอ็มวีนี้จึงถือเป็นของใหม่ที่อาจดูสนุกสนาน แต่อาจไม่ถูกใจคนรุ่นเก่า แต่ไม่ได้ดูถูกเพราะไม่ได้เอาทศกัณฐ์ไปอยู่ในที่อันอโคจรหรือไปอยู่กับภาพลามกแต่อย่างใด
อาจารย์เฉลิมชัย กล่าวว่า ปัญหาเรื่องของเก่านับเป็นปัญหาของโลกไม่เฉพาะประเทศไทย สำหรับประเทศกำลังพัฒนาอย่างประเทศไทยยิ่งต้องเป็นปัญหาใหญ่ โดยเฉพาะการจะไปเปลี่ยนแปลงจากสิ่งโบราณที่ดีไปสู่สิ่งใหม่ที่ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดีนั้นถือว่ายากยิ่ง เพราะครูบาอาจารย์โขนแสดงนั้นเขาจะถือว่ามีครูบาอาจารย์และมีความขลัง มีอุดมคติ มีจิตนาการที่ยิ่งใหญ่และมีความอลังการ ตนจึงขอยืนยันว่าพวกเรายังรักศิลปะของคนรุ่นเก่าอยู่โดยยังรักเคารพไม่ได้ดูถูกใดๆ ทั้งสิ้น แต่คนรุ่นเก่าก็ควรยินดีกับของใหม่ด้วยเช่นกัน
"งานศิลปะที่มีปัญหาคือจิตรกรรมและโขนหรือนาฏกรรม งานจิตรกรรมในยุคสมัยที่ผมเป็นเด็กหนุ่มเราไม่สามารถเขียนอะไรที่แหกคอกออกไปจากครูเลย เราต้องเขียนรูปภาพไทยแบบโบราณคล่ำครึ ใครแหกคอกออกไปจะโดนด่าโดนถล่ม " อาจารย์เฉลิมชัย กล่าว
อาจารย์เฉลิมชัย กล่าวว่า ขอให้คนไทยที่มีความเห็นทั้งสองด้านอย่าขัดแย้งกันเลย แต่ควรหันมาร่วมกันพัฒนาศิลปะของชาติไปด้วยกัน