วันนี้ (3 พ.ย. 59) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จังหวัดเชียงราย ชาวนาหลายพื้นที่นอกจากได้รับผลกระทบจากปัญหาราคาข้าวตกต่ำแล้ว ยังได้รับผลกระทบจากพายุฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ข้าวในนานับพันไร่ที่ออกรวงพร้อมเก็บเกี่ยวล้ม และบางส่วนจมอยู่ใต้น้ำเริ่มส่งกลิ่นเน่า ชาวนาต้องเร่งเกี่ยวข้าวหนีน้ำ แต่ก็เจอปัญหารถเกี่ยวข้าวเรียกค่าเกี่ยวข้าวแพงขึ้น จากเดิมไร่ละ 600 บาท เป็นไร่ละ 1,000 บาท โดยอ้างว่าข้าวล้มทำให้เกี่ยวยากและทำให้เกี่ยวข้าวช้า
ด้านจังหวัดยโสธร เกษตรกรชาวนาในพื้นที่ตำบลเขื่องคำและตำบลขุมเงิน พากันนำข้าวเปลือกไปตากแดดบริเวณถนนลาดยางทางเข้าออกหมู่บ้านเพื่อให้เมล็ดข้าวแห้งสนิทก่อนที่จะนำไปจำหน่ายให้กับโรงสีที่รับซื้อ เนื่องจากส่วนใหญ่จะจ้างรถเกี่ยวข้าวทำให้เมล็ดข้าวยังมีความชื้น เมื่อนำไปขายมักจะถูกกดราคา เนื่องจากข้าวมีความชื้นสูง โดยแต่ละคืนจะหมุนเวียนกันเฝ้าข้าวจนกว่าจะแห้งสนิทป้องกันคนมาขโมยข้าวที่ตากเอาไว้
ขณะที่จังหวัดมหาสารคาม ที่บ้านหนองหิน หมู่ 3 และ หมู่ 4 ตำบลโคกก่อ อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม เกษตรกรรวมกลุ่มกันปลูกข้าวอินทรีย์ปลอดสารพิษส่งออก สร้างรายได้ตันละ 20,000-25,000 บาท ปัจจุบันมีเกษตรรวมกลุ่มกัน 26 ราย
สำหรับข้าวของกลุ่มจะมีข้อกำหนด คือ ข้าวต้องปลูกด้วยวิธีธรรมชาติไม่ใส่สารเคมี สมาชิกทุกคนจะต้องมีส่วนร่วมทุกขบวนการผลิตตั้งแต่ปลูกข้าวจนถึงขบวนการบรรจุภัณฑ์ ซึ่งโครงการจะให้ทุนในการผลิต 4,000 บาทต่อไร่ และรับซื้อข้าวเปลือกที่มีความชื้นไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์ รับซื้อรับหอมมะลิ 105 ในราคา 20,000 บาทต่อตัน ข้าวหอมมะลิแดง ในราคา 25,000 บาทต่อตัน และจะรับซื้อผลผลิตรอบแรก 50-65 เปอร์เซนต์ของการผลิตทั้งหมด ตามคำสั่งซื้อล่วงหน้าที่โครงการขายได้ ส่วนที่เหลือจะทยอยจ่ายตามปริมาณการขาย โดยเริ่มมาตั้งแต่ปี 2557-2559 ช่วงปีใหม่ที่จะถึงนี้มียอดสั่งซื้อแล้วทั้งหมด 35 ตัน