พันตำรวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1 (ผบช.ภ.1) และพลตำรวจตรี สมบัติ มิลินทจินดา รองผู้บัญชาการภาค 1 เดินทางมาที่ประตู 1 วัดพระธรรมกาย เนื่องจากประตูดังกล่าวเป็นทางเข้าที่ใกล้กับที่พักพระธัมมชโยมากที่สุด
พันตำรวจเอก ไพสิฐ เปิดเผยว่า ประตู 7คนเยอะเลยมาประตู 1 เนื่องจากมีคนสวดมนต์อยู่ไม่มาก ขณะนี้ประสานกรรมการสิทธิมนุษยชนเข้าตรวจค้นด้วย เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบบังคับของสิทธิมนุษยชน แสดงความบริสุทธิ์ใจว่าการค้นครั้งนี้เป็นไปด้วยบริสุทธิ์ใจ
พันตำรวจเอกสมบัติ รองผู้บัญชาการภาค 1 ระบุว่า การที่เข้าตรวจพื้นที่ประตูที่ 1 โดยตรงเพราะใกล้ที่พักพระธัมมชัยโยและมีคนสวดมนต์อยู่น้อย คาดว่าจะง่ายกว่าการเข้าประตู 7 โดยได้นำกำลังประมาณ 2 กองร้อย เข้าไปตรวจค้น ซึ่งได้มีการเจรจาโดยหากเจ้าหน้าที่ของวัดไม่ยินยอมเปิดประตูให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ จะใช้เครื่องตัดถ่างประตูเพื่อเข้าไป
โดยการเข้าบุกค้นประตูที่ 1 ได้มีการใช้รถขยายเสียงและกำลังเจ้าหน้าที่สองกองร้อยเพื่อบุกค้นวัดพระธรรมกาย พร้อมทั้งใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ดีเอสไอใช้เวลาเจรจากับเจ้าหน้าที่วัดพระธรรมกายกว่า 10 นาที แต่ไม่เป็นผลเจ้าหน้าที่วัดไม่เปิดประตู ทำให้เจ้าหน้าที่ตัดสินใจใช้คีมตัดกุญแจเพื่อเข้าไปตรวจค้นภายในวัดแล้ว โดยไม่มีการขัดขวางจากเจ้าหน้าที่วัดแต่อย่างใด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทยอยนำกำลังชุดปฎิบัติการเข้าไปภายวัดบางส่วนแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่บรรยากาศภายในวัดก็มีศิษยานุศิษย์ของวัดจำนวนหนึ่งได้สวดมนต์อยู่บริเวณด้านในติดกับประตูเข้า-ออก โดยศิษยานุศิษย์ส่วนใหญ่จะสวมหมวกและแว่นตาหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า แต่ก็ไม่มีการขัดขวางการปฎิบัติหน้าที่แต่อย่างใด
