จากกรณีที่มีผู้โพสต์และการแชร์ต่อกันในโลกออนไลน์ เป็นคลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่ญาติคนไข้ได้ไปทวงถามกรณีที่ทางโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ให้คนไข้ใช้เข็มฉีดยาซ้ำ โดยผู้ถ่ายคลิปได้เข้าสอบถามกับเภสัชกรของโรงพยาบาลดังกล่าว รวมทั้งสอบถามความรับผิดชอบหากผู้ป่วยที่ใช้เข็มฉีดยาซ้ำเกิดอาการติดเชื้อ ซึ่งเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลได้ชี้แจงและพยายามจะให้ญาติผู้ป่วยรายดังกล่าวได้คุยกับผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้บริหารของโรงพยาบาล เพื่อให้มาชี้แจงเรื่องดังกล่าวก่อนที่คลิปจะถูกตัดไป โดยในโลกออนไลน์มีการวิจารณ์กรณีดังกล่าวอย่างกว้างขวาง ทั้งในเชิงบวกและเชิงลบ
นายแพทย์วีรชาติ เลิศนิธิกุล ผู้อำนายการโรงพยาบาลราชเวช จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ถูกอ้างถึงในคลิป กล่าวถึงกรณีคลิปดังกล่าวว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลราชเวช ที่มีการโพสต์เผยแพร่ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาและทำให้เกิดความเข้าใจผิดและความเสียหายให้แก่ชื่อเสียงของโรงพยาบาลเป็นอย่างมาก โดยชี้แจงว่าการใช้เข็มฉีดยาซ้ำดังกล่าวเป็นกรณีของการรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวานกับคนไข้หญิงรายหนึ่ง ซึ่งเป็นญาติของผู้ถ่ายคลิป โดยผู้ป่วยได้รับอินซูลินพร้อมทั้งเข็มฉีดยาสำหรับฉีดอินซูลินเข้าร่างกายด้วยตนเองที่บ้าน ไม่ได้เป็นการใช้เข็มฉีดยาของโรงพยาบาล และไม่ใช่นโยบายในการประหยัดอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด อีกทั้งโรงพยาบาลคำนึงถึงความปลอดภัยในการใช้เข็มฉีดยาทุกกรณีภายในโรงพยาบาล ทั้งการเจาะเลือดฉีดยารักษารวมไปถึงการใช้กินฉีดยา
สำหรับการฉีดอินซูลินจะใช้เข็มฉีดยาเพียงครั้งเดียวแล้วทิ้ง แม้ว่าตามมาตรฐานการรักษาโรคเบาหวานจะสามารถใช้เข็มฉีดยาได้มากกว่าหนึ่งครั้งแต่ไม่เกินห้าครั้ง โดยมีการศึกษาวิจัยและรับรองทางด้านการแพทย์ทั่วโลกรองรับอยู่แล้ว แต่ในกรณีที่ผู้ป่วยรับอินซูลินเพื่อไปฉีดควบคุมเบาหวานเองที่บ้าน จะมีการอบรมให้ผู้ป่วยหรือญาติในการใช้อุปกรณ์ต่างๆอย่างถูกต้องและปลอดภัยด้วย ซึ่งเข็มฉีดยา 1 เข็ม สามารถใช้ได้ 2-3 ครั้ง แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคาดว่า อาจจะเนื่องมาจากญาติของผู้ป่วยที่เป็นผู้ถ่ายคลิปไม่เข้าใจในเรื่องนี้ และมีการถ่ายคลิปนำไปเผยแพร่
ขณะนี้โรงพยาบาลเตรียมที่จะเชิญให้ผู้ป่วยและญาติมาพูดคุยกันเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง และหยุดเผยแพร่คลิปดังกล่าว รวมทั้งแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีดังกล่าวด้วย เพราะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ชื่อเสียงโรงพยาบาลอย่างมาก ซึ่งหากไม่สามารถทำความเข้าใจกันได้ อาจจำเป็นต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย