“จุมพล” ยอมรับทุกข้อหา ไม่ขอต่อสู้คดี รอพิจารณาโดน ม.112 หรือไม่
วันนี้ ( 2 มี.ค.60 ) พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย อดีตรองเลขาธิการสำนักพระราชวัง ฝ่ายความมั่นคงและกิจการพิเศษ ถูกควบคุมตัวไปยังจังหวัดนครราชสีมา เพื่อขออำนาจศาลฝากขังผัดแรกระหว่างวันที่ 2- 13 มีนาคม โดยมี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เดินทางไปด้วย
เมื่อเดินทางมาถึงศาลจังหวัดนครราชสีมา พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ยอมรับทุกข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้องกับคดีบุกรุกพื้นที่ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน โดยไม่ได้ขอใช้สิทธิ์ประกันตัว
หลังเสร็จขั้นตอนในชั้นศาล พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า คำให้การในชั้นศาลของพล.ต.อ.จุมพล แตกต่างจากเมื่อช่วงเช้าที่ให้การกับพนักงานสอบสวนที่กองบังคับการปราบปราม ซึ่งได้ให้การภาคเสธ คือ รับบางข้อหาและปฏิเสธบางข้อหา นอกจากนี้คำให้การในชั้นศาลของพล.ต.อ.จุมพล ยังระบุด้วยว่า จะไม่ขอต่อสู้คดี
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเช้า พล.ต.อ.จุมพล ถูกควบคุมตัวไปยังกองบังคับการปราบปราม ซึ่งถือเป็นการปรากฎตัวครั้งแรก หลังปรากฎข่าวว่า ตกเป็นผู้ต้องหาคดีรุกป่าทับลาน จนล่าสุด มีคำสั่งให้ไล่ออกจากข้าราชการสำนักพระราชวัง ในวันนี้เห็นได้ชัดว่า พล.ต.อ.จุมพล มีอาการเครียดและพยายามใช้มือปิดบังใบหน้า โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด
มีเพียง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ที่เปิดเผยว่า คดีสร้างบ้านพักตากอากาศรุกป่าทับลาน มีผู้ต้องหา 5 คน มอบตัวแล้ว 3 คน และเหลืออีก 1 คน อยู่ระหว่างหลบหนี ส่วน พล.ต.อ.จุมพล ก็มีสิทธิ์เหมือนผู้ต้องหาคดีอาญาทั่วไป แต่หากพบว่า มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 พ่วงด้วย ก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมนับจากนี้
ขณะที่กองบังคับการปราบปราม พนักงานสอบสวนใช้เวลาสอบปากคำพล.ต.อ.จุมพล ราว 2 ชั่วโมง ก่อนจะนำตัวไปที่จังหวัดนครราชสีมา โดยหลังจากศาลอนุมัติคำร้องขอฝากขัง ตำรวจได้ควบคุมตัวกลับมาฝากขังที่กรุงเทพฯ
สำหรับ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ก่อนจะดำรงตำแหน่ง เลขาธิการพระราชวังฝ่ายความมั่นคงและกิจกรรมพิเศษ เคยอยู่ในเก้าอี้สูงสุดระหว่างการรับข้าราชการ คือ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเคยทำคดีสำคัญหลายคดี เช่น คดีเพชรซาอุฯ คดีสังหารนายแสงชัย สุนทรวัฒน์ อดีต ผอ.อสมท. คดีฆาตกรรม 2 แม่ลูกครอบครัวศรีธนะขันธ์ นอกจากนั้นยังเคยเป็นผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล และ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ในยุครัฐบาลทักษิณ และเป็นเพื่อนร่วมรุ่นโรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 26 ของนายทักษิณ ชินวัตร
ย้อนรอย “รุกป่าทับลาน” ปมเช็กบิล “จุมพล มั่นหมาย”
บ้านเลขที่ 163 หมู่บ้านสุขสมบูรณ์ หมู่ 2 ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เนื้อที่ 13 ไร่ 1 งาน 75 ตร.ว. พื้นที่ราบติดลํารางสาธารณะ มีรั้วรอบ ทางเข้าติดถนนสาธารณะ มีสิ่งปลูกสร้าง 6 หลัง มีภาพถ่าย พล.ต.อ.จุมพลและภรรยาอยู่ในบ้าน ก่อนที่ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2560 หัวหน้าเขตจัดการอุทยานแห่งชาติทับลานที่ 2 (สวนห้อม) ตำรวจกองบัญชาการสอบสวนกลาง ทหาร และตํารวจ สภ. วังน้ำเขียว เข้าตรวจสอบบ้านพัก พบนางติ๋ม อุทัศน์ อายุ 47 ปี รับจ้างดูแลบ้าน
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2560 ผู้กำกับการ สภ.วังน้ำเขียว ทำรายงานด่วนถึง ผบ.ตร. มีข้อมูลเบื้องต้นว่า “นางติ๋ม” รับจ้างทํางานมาตั้งแต่ 2548 ระบุ เป็นบ้าน พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย พล.ต.ต.พงษ์เดช พรหมมิจิตร และนาง ชญานิศฐ์ พิศิษฐวานิช (พรหมมิจิตร) ภรรยา เป็นผู้มอบให้ เมื่อ 2551 โดย นางชญานิศฐ์ ปลัด อบต.ไทยสามัคคี ภรรยา พ.ต.ท.พงษ์เดช รองผกก.หน.สภ.วังน้ำเขียว ยศและตําแหน่งในขณะนั้น ครอบครอง มาตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2546 ถึงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2560
โดยข้อกล่าวหาระบุว่า
1.ก่อสร้าง ทำลายป่า ยึดครอบครองป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484
2.ยึดครอบครองที่ดิน ถึงก่นสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ 2535
3. ทำลายทรัพยากรธรรมชาติของรัฐ สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม 2535
4.ยึดถือ ครอบครอง ทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่นสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507
มีผู้ถูกดำเนินคดี 5 คน
1.พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย อายุ 66 ปี (ทหารคุมตัวส่ง ตร.กองปราบปราม)
2.นางฐนกร มั่นหมาย อายุ 59 ปี ภรรยา พล.ต.อ.จุมพล (ยังไม่มอบตัว)
3.พล.ต.ต.พงษ์เดช พรหมมิจิตร อายุ 57 ปี (มอบตัว-ปล่อยตัวชั่วคราว)
4.นางชญานิศฐ์ พิศิษวานิช อายุ 51 ปี ภรรยา พล.ต.ต.พงษ์เดช (มอบตัว-ปล่อยตัวชั่วคราว)
5.นายมานพ ปลอดโคกสูง อายุ 34 ปี (มอบตัว-ปล่อยตัวชั่วคราว)
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ศาลจังหวัดนครราชสีมา ได้ออกหมายจับ พล.ต.อ.จุมพล และนางฐนกร จากนั้นสำนักพระราชวัง มีคำสั่งไล่ พล.ต.อ.จุมพล ออกจากราชการในตำแหน่งรองเลขาธิการพระราชวัง ฝ่ายความมั่นคงและกิจกรรมพิเศษ โดยระบุความผิดว่า ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ใช้ตำแหน่งหน้าที่ราชการไปในทางที่ไม่ถูกต้อง แสวงหาประโยชน์ให้ตัวเอง ฝักไฝ่ในเรื่องการเมืองอันเป็นอันตรายต่อความมั่นคง ไม่เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย ขณะที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งให้ พล.ต.ต.พงษ์เดช พรหมมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ออกจากราชการไว้ก่อน หลังกระทำผิดวินัยร้ายแรงและตกเป็นต้องหาในคดีอาญา
