นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ได้เดินทางมายื่นหนังสือต่อกรมสรรพากรในกรณีให้มีการตรวจสอบการเสียภาษีของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จากกรณีที่ได้ยื่นรายการบัญชีทรัพย์สินเป็นเช็คจำนวน 1 ล้านบาท ต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)เมื่อครั้งรับตำแหน่งรมว.กลาโหม เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.51 ว่ามีการนำเช็คดังกล่าวไปถือเป็นเงินได้พึงประเมินผู้เสียภาษีบุคคลธรรมดาอย่างถูกต้องหรือไม่ โดยมีเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรเป็นผู้รับเอกสารในการยื่นคำร้อง
ทั้งนี้ การมายื่นเรื่องให้กรมสรรพากรมีการตรวจสอบครั้งนี้ไม่ได้เป็นการเอาคืน เพียงแต่หากรัฐบาลต้องการใช้อภินิหารทางกฎหมายในการตรวจสอบเสียภาษีการซื้อขายหุ้นของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ต้องมีการตรวจสอบการเสียภาษีของนักการเมืองคนอื่นด้วย รวมถึงกรณีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่มีหลักฐานเป็นเช็กค่อนข้างชัดเจน แต่ตนไม่ได้หมายถึงว่าพล.อ.ประวิตร จะมีความผิด เพียงแต่ต้องการให้กรมสรรพากรมีการตรวจสอบและชี้แจงข้อเท็จจริงออกมา
“หากกรมสรรพากร ดำเนินการตามมาตรา 19 ของประมวลรัษฎากร ที่ระบุกรณีที่ผู้ยื่นแบบเสียภาษี แต่เสียภาษีไม่ครบ กรมสรรพากรมีอำนาจประเมินภาษีในระยะเวลา 10 ปี แต่ต้องออกหมายเรียกภายใน 5 ปี หากไม่ออกหมายเรียกภายใน 5 ปี ก็จะไม่มีอำนาจการประเมินภาษีได้ ดังนั้นหากมีการเรียกเก็บภาษีในการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปด้วยวิธีใด ก็ต้องเรียกเก็บภาษีต่อกรณีของ พลเอกประวิตร ด้วย”