งานวิจัยที่จัดทำขึ้นโดยนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา มหาวิทยาลัย Warwick ของอังกฤษ และถูกตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ Journal of Pediatrics ระบุว่าจากการศึกษาทารกราว 8,700 คนในเยอรมนี เดนมาร์ก แคนาดา อิตาลี เนเธอร์แลนด์ อังกฤษ และญี่ปุ่น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว พบว่า ทารกอังกฤษร้องไห้มากที่สุด ตามมาด้วยแคนาดา และอิตาลี โดยมีอาการโคลิคขั้นสูง คือ ร้องไห้มากกว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน อย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์
ส่วนประเทศที่พบอาการโคลิคในเด็กต่ำที่สุด คือ เดนมาร์ก และเยอรมนี ส่วนปัจจัยที่ทำให้ทารกแต่ละประเทศแตกต่างกันขึ้นอยู่กับวัฒนธรรม ประสบการณ์ของแม่ และพันธุกรรม โดยในอังกฤษ พบว่า คุณแม่เกือบ 3 ใน 4 ให้นมทารกหลังคลอด แต่กว่าครึ่งหยุดให้นมหลังผ่านไป 2 เดือน
ขณะที่การศึกษาอีกชิ้นพบว่า วัฒธรรมการเลี้ยงลูกของผู้ปกครองในกรุงโคเปนเฮเกน ของเดนมาร์ก และกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษแตกต่างกัน เมื่อทารกตื่นขึ้นมาเเละร้องไห้ พ่อแม่ชาวเดนมาร์กจะเข้าไปสัมผัสลูกมากกว่า ซึ่งมีส่วนทำให้ทารกหยุดร้องไห้เร็วขึ้น
ทั้งนี้ จากการศึกษาพบว่า ทารกร้องไห้เฉลี่ย 2 ชั่วโมงต่อวัน ในช่วงอายุ 2 สัปดาห์แรก และจะร้องไห้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยไปจนถึงอายุ 6 สัปดาห์ ที่อัตราสูงสุดเฉลี่ย 2 ชั่วโมง 15 นาที ต่อวัน จากนั้นจะเริ่มลดลง เหลือราว 1 ชั่วโมง 10 นาที เมื่ออายุ 12 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม จำนวนเวลาที่ทารกแต่ละคนร้องไห้นั้นแตกต่างกันมาก บางคนอาจอยู่ที่วันละ 30 นาที แต่บางคนอาจมากถึง 5 ชั่วโมง
งานวิจัยชิ้นนี้ถือเป็นสถิติที่จัดทำขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อเป็นคู่มือสำหรับผู้ปกครอง เพื่อประเมินว่า ลูกน้อยร้องไห้มากกว่าระดับปกติหรือไม่ในช่วงอายุ 3 เดือนแรก หากพบว่า ร้องไห้มากกว่าปกติทีมวิจัยแนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ