จากการสอบถามผู้เสียหายที่ถูกหลอกมา ทราบว่าส่วนมากถูกชักชวนจากคนรู้จักว่ามีแพคเกจเที่ยวญี่ปุ่นราคาถูก ในวันที่ 11 – 16 เมษายน ราคาตั้งแต่ 9 พันกว่าบาท ไปจนถึงหมื่นกว่าบาท ผู้เสียหายได้หลงเชื่อสมัครซื้อแพคเกจดังกล่าว ต่อมาจึงรู้ว่าค่าใช้จ่ายที่อ้างว่าเป็นค่าแพคเกจนั้น จริง ๆ แล้วเป็นค่าสมัครสมาชิกและค่าสินค้าอาหารเสริมของบริษัท Wealth Ever ซึ่งดำเนินการโดย ซินแสโชกุน หรือชื่อจริง น.ส.พสิษฐ์ อริญชญ์ลาภิศ หรือ น.ส.ศรัณย์พัชร์ กิติขจรพัชร์ ซึ่งทางซินแสโชกุนอ้างว่าทริปญี่ปุ่นนี้เป็นโปรโมชั่นสำหรับสมาชิก จะมีการจัดเครื่องบินเช่าเหมาลำจากสายการบินแห่งหนึ่งมาใช้ในการเดินทางครั้งนี้ และมีการนัดหมายให้ผู้เสียหายแต่ละรายเดินทางมาเช็คอินที่สนามบินสุวรรณภูมิในเวลา 6 โมงเย็นของวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา แต่เมื่อมาถึงแล้วกลับเช็คอินไม่ได้ มีการอ้างว่าเครื่องดีเลย์ สุดท้ายเมื่อตรวจสอบกับทางสายการบินก็พบว่าไม่มีตารางการเช่าเหมาลำแต่อย่างใด
ขณะที่วันนี้ พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แถลงว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือได้ว่าเป็นการฉ้อโกงประชาชน ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท แต่ก็ยังอยู่ในระหว่างการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน และขอประชาสัมพันธ์ผู้ได้รับความเสียหายให้ไปแจ้งความร้องทุกข์ยังกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) และสถานีตำรวจท้องที่เกิดเหตุในต่างจังหวัด
ด้านกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคหรือ สคบ. ก็ออกมาชี้แจงว่าที่บริษัท Wealth Ever อ้างกับสมาชิกว่าบริษัทได้จดทะเบียนประกอบธุรกิจขายตรงกับทาง สคบ.นั้นไม่เป็นความจริง บริษัทดังกล่าวไม่เคยได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจขายตรงจาก สคบ.แต่อย่างใด
ขณะที่ทีมข่าวยกทัพบรรเทาทุกข์ได้พูดคุยกรณีกับ คุณสุเทพ อารมณ์รักษ์ นายกสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ในฐานะผู้ประกอบการบริษัททัวร์ก็ได้รับผลกระทบจากข่าวที่เกิดขึ้น เพราะบริษัทที่เกิดเรื่องนั้นไม่ใช่บริษัททัวร์ แต่เป็นขายตรงและหลอกลวงประชาชน ซึ่งไม่ผ่านบริษัททัวร์