ถล่มอิหร่านเป็นการโจมตีเชิงสัญลักษณ์

กรุงเตหะรานของอิหร่าน ถือได้ว่าเป็นเมืองหลวงที่มีความปลอดภัยมากที่สุดแห่งในโลก เพราะแทบทุกหัวถนน เราจะได้เห็นตำรวจหรือไม่ก็ทหารคอยยืนรักษาการอยู่ ส่วนประชาชนก็ไม่มีการพกอาวุธ เพราะกฎหมายของอิหร่านเข้มงวดมากกับเรื่องการพกพาอาวุธไปในที่สาธารณะ

แต่กลับมีเหตุการณ์ที่กลุ่มคนร้ายถืออาวุธครบมือ ทั้งปืนอานุภาพสูงและระเบิดที่สามารถคร่าชีวิตคนได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่า กลุ่มคนร้ายน่าจะมาจากต่างถิ่น และแอบลำเลียงอาวุธเข้ามาจากนอกประเทศ ส่วนสถานที่ที่คนร้ายเลือกลงมือ คืออาคารรัฐสภาและอนุสรณ์สถานของอยาตุลเลาะห์ โคไมนี่ ที่คนอิหร่านนับถือว่าเป็นเหมือนบิดาของประเทศยุคใหม่ ก็มีความสำคัญมาก

สถานที่แรกคืออาคารัฐสภา แน่นอนว่าเป็นจุดที่มีผู้แทนจากชนเผ่าที่หลากหลาย ทั้งกลุ่มชาวคริสต์ ไม่เว้นแม้กระทั่งชาวยิว รวมถึงสุภาพสตรีหลายคน ที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประชาชน ซึ่งคนร้ายลงมือที่นี่ก็เพื่อแสดงให้เห็น ถึงความไม่พอใจที่อิหร่านเป็นประเทศมุสลิม แต่กลับให้คนจากเชื้อชาติหรือศาสนาอื่น มาร่วมปกครองประเทศ

ส่วนสถานที่ถัดมาคืออนุสรณ์สถานของอยาตุลเลาะห์ โคไมนี่ ยิ่งชัดเจนขึ้นมาอีก เพราะโคไมนี่เปรียบเสมือนบิดาของอิหร่านยุคใหม่ เนื่องจากเขาเป็นผู้นำ ในการโค่นอำนาจของพระเจ้าชาห์ ในปี 1979 และยังปกครองประเทศต่อเนื่องมานานถึง 10 ปีเต็ม

ที่จริงแล้ว อิหร่านแทบจะไม่เคยตกเป็นเป้าก่อการร้ายเลย ครั้งล่าสุดต้องย้อนไปถึงปี 2010 ที่กลุ่มมุสลิมซุนหนี่ ก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่มัสยิดแห่งหนึ่งในกรุงเตหะราน ทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 39 คน ส่วนเมื่อปีที่แล้ว ยังไม่เกิดเหตุร้ายอะไรขึ้น เพราะเจ้าหน้าที่ของอิหร่าน สามารถล้มแผนโจมตีกรุงเตหะรานครั้งใหญ่ที่สุดได้เสียก่อน

ส่วนกลุ่มที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยมากที่สุดก็คือ กลุ่มไอเอสนั่นเอง เหตุผลก็คือ คนอิหร่านส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมชีอะห์ และยังมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับการส่งทหารไปปราบปรามกลุ่มไอเอส ซึ่งเป็นชาวซุนหนี่อีกด้วย จึงไม่ใช่เรื่องแปลก หากไอเอสจะเข้าไปก่อเหตุในอิหร่านบ้าง