เมรุวัดวังไทรถูกตกแต่งไว้พร้อมสำหรับงานฌาปนกิจสามเณร ศุภโชค เอกเกียรติกุล หรือสามเณรปลื้ม หลังเจ้าอาวาสวัดวังไทรรับเป็นเจ้าภาพจัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพสามเณรปลื้มนับตั้งแต่เคลื่อนย้ายมาจากอำเภอหัวไทร
ชาวบ้านที่นี่ให้ข้อมูลว่า หลังสามเณรปลื้มบวชเมื่อ 2 ปีก่อน ชาวบ้านได้ไปฝากไว้กับพระเทพสิริโสภณ อดีตเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก และเป็นสามเณรที่ติดตามรับใช้พระเทพสิริโสภณอย่างใกล้ชิด พวกเขาจึงเชื่อว่า สาเหตุการฆาตกรรมสามเณรปลื้มไม่น่าจะเกิดขึ้นจากการขโมยทรัพย์สินตามที่ผู้ต้องหากล่าวหา แต่เป็นเพราะสามเณรปลื้มรู้ความลับบางประการที่อาจทำให้กลุ่มผู้ต้องที่ในเวลานั้นมีอำนาจบริหารวัดเหนือเจ้าอาวาสเสียประโยชน์
ขณะที่อีกด้านหนึ่ง คือ การติดตามทรัพย์สินวัดวังตะวันตก พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ได้พบบัญชีเงินฝากของวัดเพิ่มอีก 6 บัญชี จากเดิม 26 บัญชี รวมเป็น 32 บัญชี มียอดเงินรวมกันไม่ถึง 2 ล้านบาท จึงคาดว่า อาจมีการยักยอกทรัพยสินของวัด เพราะก่อนหน้าที่นายสาวปิยฉัตร อรุณสกุล จะเข้ามามีอำนาจเหนือเจ้าอาวาส เงินในบัญชีของวัดมีมากถึง 40 ล้านบาท ที่สำคัญเมื่อตรวจสอบบัญชีเงินฝากของนางปิยฉัตร หนึ่งในผู้ต้องหาฆ่าสามเณรปลื้ม พบว่า มีเงินเหลือติดบัญชีอยู่เพียง 4 แสนบาท จึงอยู่ระหว่างตรวจสอบเส้นทางการเงินว่า มีการผ่องถ่ายโยกย้ายเงินไปยังบัญชีของใครเพิ่มเติมอีกหรือไม่
อย่างไรก็ตามเรื่องการยักยอกทรัพย์สินของวัดวังตะวันตก ยังไม่เป็นคดีความ เนื่องจากเจ้าอาวาสคนใหม่ยังไม่ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ เพราะอยู่ระหว่างรวมรวมเอกสารหลักฐาน
ส่วนการเปิดตู้เซฟที่ยึดได้จากบ้านของนางสาวปิยฉัตร ตำรวจยังไม่สามารถเปิดได้ เนื่องจากนางสาวปิยฉัตร อ้างว่า จำรหัสไม่ได้ ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างประสานบริษัทผู้ผลิตมาช่วยเปิดตู้เซฟ ซึ่งคาดว่าจะมีหลักฐานสำคัญถึงอาจคลี่คลายเรื่องราวทั้งหมดได้