พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. นำสำนวนคดีทุจริตเรียกรับเงินสินบน 12 วัด ส่งให้กับ นายสรรเสริญ พลเจียก เลขานุการคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ป.ป.ช. โดยเบื้องต้นแยกสำนวนเป็น 1 สำนวนคดีต่อ 1 วัด และสรุปส่งมาให้ก่อน 7 วัด ส่วนที่เหลือจะส่งเพิ่มเติมมาให้ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ เนื่องจากยังไม่เสร็จสมบูรณ์และยังอยู่ระหว่างเรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบปากคำเพิ่มเติม
รายละเอียดของสำนวนที่ส่งให้กับ ป.ป.ช.วันนี้ น่าจะสนใจว่า มีรายชื่อผู้ต้องหาทั้งหมด 10 คน เพิ่มเติมเดิมมา 2 คน คือ นางสาว รัสรินทร์ รวมสิน คนใกล้ชิดของนายวัสวัตติ์ กิตติธีระสิทธิ์ ข้าราชการระดับ 8 ของ พศ. และพระสุทธิพงษ์ เจ้าอาวาสวัดไทยในเดนมาร์ก ทั้งหมดถูกดำเนินคดีข้อหาที่อยู่ในข่ายทำผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 คือต่อหน้าที่ราชการ มาตรา 86 สนับสนุนให้ข้าราชการกระทำความผิด และ มาตรา 147 เบียดบังงบประมาณรัฐ
สำหรับ 1 ใน 2 ผู้ต้องหารายใหม่ที่ปปป.เปิดชื่อวันนี้ และน่าสนใจ คือ พระสุทธิพงษ์ เจ้าอาวาสวัดไทยในเดนมาร์ก เพราะนอกจากจะเข้ารายงานตัวรับทราบข้อกล่าวหาและให้ปากคำกับ ปปป.แล้ว คำให้การของพระสงฆ์รูปนี้ยังเป็นประโยชน์มาก เพราะให้ข้อมูลที่ ปปป. สามารถเชื่อมโยงความผิดไปถึง นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานนท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาได้ โดยอ้างว่า ก่อนหน้านี้เคยของบประมาณบูรณะวัดไทยในเดนมาร์กแต่ไม่เคยได้ จนกระทั่งได้รับคำแนะนำจากนายนพรัตน์ จากนั้นก็ได้รับเงินโอนเข้าบัญชีเกือบ 20 ล้านบาท โดย 6 ล้านบาท โอนมาจากวัดพระพุทธบาทตากผ้า จังหวัดลำพูน และอีกกว่า 10 ล้านบาท โอนมาจากส่วนอื่น ล่าสุด ปปป.คาดว่า นายนพรัตย์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่ปรากฎชื่อเป็นผู้ต้องหา หลบหนีออกนอกประเทศแล้ว
สอดคล้องกับข้อมูลที่ทีมข่าวได้รับจากการลงพื้นที่วัดพระพุทธบาทตากผ้าจังหวัดลำพูนวันนี้ พระสงฆ์รูปหนึ่งของวัดยอมรับว่า เคยมียอดเงินจำนวน 6 ล้านบาท โอนเข้ามายังบัญชี แต่เป็นเพียงการโอนผ่าน เพราะได้รับการติดต่อจากข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้ทางวัดโอนต่อไปให้กับวัดไทยเดนมาร์กฯในกรุงโคเปนเฮเกน ก่อนจะมีเงินส่วนต่างโอนกลับมาให้ทางวัดพระพุทธบาทตากผ้าราว 2 แสนบาท โดยระบุว่า เป็นเงินทำบุญที่ให้ไว้สำหรับใช้บูรณะวัดจากการช่วยเหลือเป็นตัวกลาง เจ้าอาวาสพระพุทธบาทตากผ้าจึงรับไว้ โดยไม่รู้ว่า เป็นเงินที่มีความผิด
ส่วนวัดที่ได้รับเงินมากที่สุดในบรรดา 12 วัดอย่างวัดพนัญเชิงวรวิหาร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แม้ทีมข่าว PPTV จะพยายามขอรายละเอียดโครงการที่วัดถูกกล่าวหา แต่ทางวัดก็ยังไม่ยอมส่งตัวแทนชี้แจง แต่การสำรวจโดยรอบวัด พบว่า มีโครงการก่อสร้างบูรณะซ่อมแซมหลายจุดที่คืบหน้าไปกว่า 1 ใน 3 ตามเงื่อนไขจัดสรรงบประมาณของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
โดยหลังจาก ป.ป.ช.รับสำนวนคดีนี้ครบถ้วน ป.ป.ช.จะพิจารณาอีกครั้งว่าจะตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง หรือ ส่งเรื่องให้ ปปป.ดำเนินการตรวจสอบต่อ คาดว่า จะสามารถนำเรื่องเข้าประชุมกันได้ในวัน 22 มิ.ย.ที่จะถึงนี้ ส่วน ปปป.จะเดินหน้าตรวจสอบว่าพฤติกรรมของผู้ต้องหาเข้าข่ายฟอกเงินด้วยหรือไม่ พร้อมกับเตรียมทำเรื่องขอยึดทรัพย์กลับเป็นของแผ่นดิน
ขณะที่นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง 8 คน เป็น ข้าราชการสังกัด พศ. 4 คน และ พลเรือน 4 คน ซึ่งหากพบว่าข้าราชการทั้ง 4 คนยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ ก็จะต้องสั่งพักงานและตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยต่อไป