ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลนี้เปิดเผยในการแถลงข่าวของกรมโรงงานอุตาสาหกรรมเมื่อช่วงสายวันนี้ นับเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริงครั้งแรก หลังเกิดเหตุนิสิตปี 5 คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตกบ่อบำบัดน้ำเสีย และเสียชีวิตพร้อมกับพนักงานบริษัทซีพีเอฟที่ลงไปช่วยเหลือรวม 5 คน เหตุการณ์วันนั้น ทำให้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม สั่งปิดพื้นที่บ่อบำบัดน้ำเสีย เป็นเวลา 30 วัน เพื่อให้โรงงานแก้ไขแนวทางจัดการบ่อบำบัดน้ำเสียให้เป็นไปตามมาตรฐาน ส่วนข้อเท็จจริงปมฝาบ่อบำบัดน้ำเสีย อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ไม่ฟันธงว่า เปิดอยู่ก่อนมีคนมาดูงานหรือไม่ และขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจในการสอบสวนประเด็นนี้
นายประเสริฐ ตปนียางกูร นายกสมาคมวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย ขอให้เรื่องนี้เป็นกรณีศึกษา เพื่อพัฒนาระบบความปลอดภัยของระบบบำบัดน้ำเสียภายในโรงงาน โดยเปิดเผยว่า นอกจากการติดป้ายห้ามบุคคลภายนอกเข้า สิ่งสำคัญไม่แพ้กัน ผู้ปฏิบัติงานจะต้องได้รับการฝึกอบรบความปลอดภัยในพื้นที่อับอากาศ มีชุดอุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจ และเตรียมพร้อมการช่วยเหลือและปฐมพยาบาลทุกครั้ง หากไม่เป็นไปตานนี้ จำเป็นต้องปรับปรุงให้เกิดขึ้น
ส่วนความคืบหน้าทางคดี ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยังไม่ปักใจเชื่อว่า นิสิตจุฬาฯ พลัดตกลงบ่อบำบัดน้ำเสียโดยที่มีฝาปิดอยู่ตามที่เจ้าหน้าที่บริษัทซีพีเอฟกล่าวอ้างในการสอบปากคำที่ดำเนินการไปแล้ว 10 ปาก โดยจากการทดลองยืนบนฝาท่อของตำรวจระหว่างตรวจจุดเกิดเหตุเมื่อวานนี้ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยืนยันว่า มีความแข็งแรงรับน้ำหนักได้อย่างดี แต่ความยากของการพิสูจน์ประเด็นนี้ คือ จุดเกิดเหตุไม่มีกล้องวงจรปิด
ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า หลังจากนี้จะต้องตรวจสอบโครงสร้างสายงาน เพื่อออกหมายเรียกทุกคนที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำ ส่วนบริษัทซีพีเอฟจะถูกดำเนินคดีหรือไม่ ยังไม่สามารถตอบได้ หลังจากนี้ตำรวจจะเชิญผู้เชี่ยวชาญมาตรวจอากาศในที่เกิดเหตุ และนำข้อมูลแถลงข่าวของกรมโรงงานอุตสาหกรรมวันนี้มาประกอบสำนวนคดีด้วย