หลังวัดราชสิทธารามราชวรวิหาร เขตบางกอกใหญ่ ปรากฎชื่อเป็น 1 ใน 22 วัด ที่กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. เปิดเผยข้อมูลว่า ได้รับเงินอุดหนุนจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจำนวน 7 ล้านบาท และจ่ายคืนให้กับข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นเงินทอน 6 ล้านบาท แต่จากการสอบถามกับพระราชวิสุทธิโสภณ รักษาการเจ้าอาวาส ปฏิเสธว่า ไม่เคยทราบข้อมูลการขอรับเงินกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เนื่องจากที่ผ่านมา พระธรรมรัตนวิสุทธิ์ เจ้าอาวาสวัดรูปเก่า ที่มรณภาพ เป็นผู้จัดการทั้งหมด โดยมีบุคคลที่ชื่อว่า จำลอง ไวยาวัจกรและเป็นข้าราชการสำนักพุทธฯ คอยรับใช้
สอดคล้องกับพระศรีรัตนโมลี ผู้ช่วยเจ้าอาวาส เปิดเผยว่า ในวัดมีผู้ช่วย 18 คน แต่ไม่มีใครได้รับทราบเรื่องการบริหารเงินภายในวัด แต่อดีตเจ้าอาวาสจะคอยชี้แจงเกี่ยวกับรายรับรายจ่ายเป็นระยะๆ เท่านั้น ส่วนการรับเงินจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเท่าที่ทราบ เป็นเพียงการขอเบิกเงินที่ได้จากการเก็บค่าเช่าจากชาวบ้านที่เช่าที่ดินวัดอยู่ โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะเป็นผู้จัดเก็บให้วัดทั้งหมด
นอกจากเงินค่าเช่าที่ดินวัด รายได้ส่วนใหญ่ยังมาจากเงินบริจาค ของญาติโยม โดยเฉพาะการบูรณะปฏิสังขรณ์วัด จะมีกลุ่มทุนเข้ามาบริจาค อย่างเช่น พระวิหารหลวงที่บูรณะเมื่อ ปี 2558 ด้วยเงินบริจาคกว่า 5 ล้านบาท
ส่วนวัดอีก 1 แห่งที่ทีมข่าวลงพื้นที่ คือ วัดบำเพ็ญเหนือ เขตมีนบุรี ที่ ปปป.ตรวจสอบพบว่า รับเงินอุดหนุนถึง 2 ครั้งรวม 11 ล้านบาท และจ่ายเงินทอนไป 10 ล้าน 4 แสนบาท วันนี้ไม่พบ เจ้าอาวาส มีเพียง พระครูสังฆภารวิมล ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัด ชี้แจงข้อมูลในฐานะผู้ดูแลบัญชีและดูแลการก่อสร้างภายในวัด ระบุไม่เคยทราบเรื่องรับเงินอุดหนุนและการจ่ายเงินทอน เพราะที่ผ่านมาวัดไม่เคยขอเงินสนับสนุนเพื่อใช้ก่อสร้าง เนื่องจากมีเงินที่ได้รับบริจาคอยู่แล้ว อีกทั้งวัดมีเจ้าหน้าที่ทำบัญชี และตรวจสอบเป็นประจำ ไม่เคยเห็นเงินจำนวนดังกล่าว
สำหรับข้อมูลบัญชีวัดบำเพ็ญเหนือ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสเปิดเผยว่า มีทั้งหมด 2 บัญชี เป็นบัญชีเงินฝากประจำที่มีเงินรวม 18 ล้านบาท เก็บไว้ใช้จ่ายเมื่อพระในวัดอาพาธ และอีกบัญชีออมทรัพย์ ที่ใช้เก็บเงินใช้จ่ายทั่วไป ขณะนี้มีเงินอยู่ราว 1 ล้านบาท
ส่วนวัดยูปารามในเขตอำเภอเมืองยะลา หลังปรากฎชื่อเป็นหนึ่งในวัดจังหวัดชายแดนใต้ ที่ได้รับเงินอุดหนุนจากโครงการบูรณปฏิสังขรณ์และมีการประสานงานจากข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติให้วัดโอนคืนหรือทอนเงินกลับ พระครูนันทนาภิวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดยูปาราม ออกมาชี้แจงโดนยอมรับว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นจริง หลังทางวัดได้รับการติดต่อจากพระรูปหนึ่งในอำเภอเทพา จังหวัดสงขลาว่า ต้องการเงินส่วนนี้หรือไม่
ในเวลานั้นทางวัดอยู่ระหว่างจัดสร้างหอระฆัง จึงตอบรับและได้ทำโครงการของบประมาณจำนวน 3 ล้านบาท ผ่านสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสงขลา แต่กลับได้รับเงินโอนกลับมาถึง 4 ล้านบาท และยังไม่ทันใช้งบประมาณ ก็มาเกิดกระแสข่าวข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติทุจริตเงินส่วนนี้ โดยล่าสุดสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็ติดต่อให้ทางวัดโอนเงินกลับคืนทั้งหมด ซึ่งวัดยูปารามก็ได้ปฏิบัติตามเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่แน่ใจว่า เป็นการเรียกคืนเพื่อตรวจสอบหรือเรียกคืนเพื่อเหตุใด