เมื่อวันที่ (9 ก.ย. 60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การ์ดแต่งงานใบนี้ เป็นภาพของนางสาวจริยาภรณ์ บัวใหญ่ หรือ น้ำมนต์ ซึ่งจัดงานแต่งงานกับ นายประสาร เทียมแย้ม เมื่อ 1 พฤศจิกายน 2558 กลายเป็นหลักฐานสำคัญในคดีทันที เพราะในการ์ดใบนี้ “น้ำมนต์” ไม่ได้ใช้ชื่อของเธอเอง แต่ไปใช้ชื่อของ ลูกพี่ลูกน้อง ที่ชื่อ นางสาวสร้อยเพ็ชร พาลีวัลย์ โดยในงานแต่งงาน มี พ่อ และ แม่ ของ น้ำมนต์ มาร่วมงานด้วย แต่มาด้วยชื่อปลอมเช่นเดียวกัน
ส่วนนางสร้อยเพชร พาลีวัลย์ เป็นชื่อของลูกพี่ลูกน้องที่ถูกเรียกมาสอบปากคำก่อนหน้านี้ และอ้างถูก "น้ำมนต์" มายืมบัตรประชาชน เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา เพื่อนำไปสมัครงานร้านอาหารกลาคืน และยืนยันไม่มีเงินจากน้ำมนต์เข้าบัญชีของเธอ แต่มาพบภายหลัง มีบัญชีธนาคาร อีกหนึ่งบัญชี ที่ถูกเปิดโดยใช้บัตรประชาชนของเธอ ที่ จ.เพชรบูรณ์
หลักฐานนี้ จะกลายเป็นหนึ่งในอีกหลายชิ้น ที่บ่งบอกว่า “น้ำมนต์” มีเจตนาหลอกลวงชายหนุ่ม มาแต่งานด้วย ต่างจากคำให้การ ที่เธออ้างว่า ไม่มีเจตนาหลอกลวง และได้ทรัพย์สินจากฝ่ายชายมาโดยเสน่หา
พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้บังคับการปราบปราม ระบุว่า การ์ดใบนี้ อาจนำไปใช้เอาผิดน้ำมนต์ ในฐานความผิดฉ้อโกงเป็นปกติธุระ เพราะเห็นได้ว่า มีเจตนาหลอกลวงตั้งแต่ต้น และทำเหมือนเดิมหลายครั้ง เพราะผู้เสียหายอีก 4 คน ก็ถูกนางจริยาภรณ์สวมชื่อผู้อื่นมาแต่งงานเช่นเดียวกัน ตำรวจจึงเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ส่งให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พิจารณาเข้าฐานความผิดนี้หรือไม่ เพราะหากเข้าฐานความผิดนี้ สามารถตามยึดทรัพย์ได้ โดยจะรวมไปถึงเงินสินสอดที่เธอได้ไปก่อนหน้านี้ด้วย พร้อมมีโทษ จำคุก 3 ปี ต่อ 1 ข้อหา
ทั้งนี้ ข้อมูลจาก ป.ป.ง. ว่าหากสืบเส้นทางการเงินและทราบนางจริยาภรณ์ โอนเงินไปให้บุคคลที่ 3 และแปรสภาพเงินเป็นทรัพย์สินก็จะถูกดำเนินคดีฐานฟอกเงินอีกคดี ซึ่งป.ป.ง.จะเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษด้วยตัวเอง