ระทึก ! ย้อนวินาที “บังเอิญ” ไล่ล่าโจรขโมยรถกลางเมือง


โดย PPTV Online

เผยแพร่




หลังจากในโลกออนไลน์มีการแชร์คลิปวิดีโอการไล่ล่ารถที่หายไปจากบ้านเกือบ 1 เดือน จนลูกชายของเจ้าของรถไปเจอ จนตามล่าเพื่อหวังให้ได้รถคืน โดยมีพลเมืองดีมาช่วยในการติดตามไล่ล่าคนร้ายด้วย สุดท้ายคนร้ายจนมุมเนื่องจากเจอรถติด ก่อนจะแจ้งให้ตำรวจเข้ามาช่วย จนสามารถนำตัวคนร้ายไปดำเนินคดีได้ในที่สุด

“นิติศาสตร์ พันธุ์ชื่น” ลูกชายเจ้าของรถที่หาย เปิดเผยในรายการเป็นเรื่องเป็นข่าวว่า วันนั้นออกมาจากสนามเสือป่า และกำลังจะไปย่านแจ้งวัฒนะ เลยเลือกเส้นทางจากจีพีเอส ตอนนั้นเห็นไฟท้ายและรถสีดำ เมื่อขับเข้ามาใกล้ก็เริ่มเห็นสัญลักษณ์ของรถเรา ก็เลยจอดเห็นป้ายทะเบียน เลยเดินเข้าไปที่รถคันนั้นบอกชายคนนั้นว่าเป็นรถของเรา ในขณะนั้นคนร้ายได้เบี่ยงรถออกไปและก็เกิดการไล่ล่าขึ้น พร้อมโทรหา 191 ตอนนั้นก็คิดว่าจะไล่ให้ได้มากที่สุด ในใจตอนนั้นคิดว่าจะต้องติดสักไฟแดงหนึ่ง คนร้ายขับรถด้วยความเร็ววิ่งสวนเลนรวมทั้งฝ่าไฟแดงด้วย ก่อนจะตะโกนขอความช่วยเหลือกับวินจักรยานยนต์ที่ขับอยู่ตรงนั้นจนเขามาช่วยติดตามรถด้วย เมื่อมีพลเมืองดีเข้ามาช่วยจึงเริ่มลดความเร็ว ตอนนั้นการจราจรค่อนข้างติดขัดพอสมควรเนื่องจากเป็นเวลาเลิกงาน รวมทั้งต้องติดรถไฟทำให้รถไปต่อไม่ได้ ทำให้รถติดจนวินจักรยานยนต์ได้เข้าไปช่วยบอกคนอื่นๆให้ช่วยหยุดรถ เพื่อกันไม่ให้รถคันนั้นขับหลบหนีได้ พอตัวเองลงจากรถได้ ก็ตะโกนบอกว่า กำลังตามรถที่หายอยู่ ไม่ใช่การขับปาดหน้ากันแล้วเกิดการทะเลาะวิวาท และด้วยความบังเอิญรถที่ขับมาด้านหลังเป็นตำรวจพอดี จึงได้เข้ามาควบคุมสถานการณ์ได้

 “คิดตั้งแต่วันแรกที่รถหายคือโดนไปขายแยกชิ้นส่วนไปแล้ว คนร้ายเป็นคนรู้จักของพ่อ ไม่ได้เจอกันเกือบ 10 ปี จนติดต่อแล้วขอนัดเจอชวนมาทำธุรกิจด้วยกัน และมานัดเจอกันที่บางกะปิ เพราะพ่อกับแม่ไปที่ตลาดไท ไม่เป็น ก็เลยอาสาตัวเองขับรถให้ พ่อก็ไม่ได้คิดอะไร ก็พยายามจอดร้านสะดวกซื้อ พอถึงที่ตลาดไท ก็แวะที่ร้านข้าวต้ม เมื่ออาหารมาแล้ว แต่ออกอุบายว่าขอไปร้านสะดวกซื้อ โดยให้แม่นั่งอยู่ที่ร้านข้าวต้ม ก่อนที่พ่อออกมาจากร้านสะดวกซื้อก็พบว่ารถหายไป และพ่อแม่จะเอารูปให้ดูว่าเป็นคนนี้ขโมยไป และวินาทีที่เขาเปิดประตูรถลงมาก็จำได้ทันที”

ลูกชายเจ้าของรถที่หาย บอกว่า หลังจากที่รถหายก็ติดต่อไม่ได้ ในขณะที่พ่อก็พยายามติดต่อตามหา แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาเจอบนท้องถนนในกรุงเทพฯ ผมต้องขอบคุณพี่วินจักรยานยนต์ที่เข้ามาช่วยเหลือ และตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์ สน.สามเสน สน.ดุสิต สภ.คลองหลวง ทุกคน และต้องขอโทษทุกคนที่วันนั้นขับรถไม่มีมารยาทจนอาจทำให้หลายคนเดือดร้อนไปด้วย

ขณะที่ “พนมพร เศษรักษา” วินจักรยานยนต์ พลเมืองดีที่เข้าช่วยเหลือในเหตุการณ์นี้ บอกว่า ตอนนั้นก็กลัวเหมือนกันว่าจะมีอาวุธที่จะยิงสวนกลับมาหรือไม่ แต่เห็นว่าเขามีเด็กในรถ จากการที่ขี่ไปประกบ ก็คิดว่าไม่น่าจะมีอันตราย พอรถติดผมก็ได้แต่บอกรถคันอื่น ให้ความร่วมมือเพื่อไม่ให้รถคันนั้นหนี ตอนนั้นก็ตั้งใจจะช่วยให้ถึงที่สุดเพราะประเมินแล้วว่าน่าจะเป็นรถที่ถูกขโมยมาจริงๆ

ด้าน พล.ต.ต.ฤชากร จรเจวุฒิ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า วันนั้นยอมรับว่าบังเอิญเหมือนกัน เนื่องจากอยู่ในช่วงเวลาเลิกงาน เมื่อมาถึงช่วงถนนศรีอยุทธา ก็พบรถเก๋งสีดำคันที่หนีขับมาด้วยความเร็วอย่างผิดสังเกต ตอนนั้นคิดว่าน่าจะเป็นการขับรถเร็ว ก่อนจะได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากข้างหลัง ตอนนั้นคิดว่าเป็นเรื่องทะเลาะวิวาท ก็เลยขับตามไปดู พอถึงจุดที่รถติด ก็เห็นภาพของวินจักรยานยนต์ที่ขับตามมา และมีลูกชายเจ้าของรถเดินไปยังรถคันที่ขโมยมา ตอนนั้นก็สังเกตและได้แจ้งไปที่ สน.ดุสิต ให้ส่งสายตรวจมาตรวจสอบตอนนั้นคาดว่าน่าจะเป็นเหตุทะเลาะวิวาท โดยเหตุที่ยังไม่ลงไปในทันทีเพราะว่า เราไม่รู้ว่าใครเป็นใคร จะมีคู่กรณีตามมาอีกหรือไม่ และตอนนั้นกำลังจะไปทำธุระหลังเลิกงานไม่ได้สวมใส่เครื่องแบบครึ่งท่อนก็กลัวว่าจะเป็นคู่กรณีไปอีกคนด้วยเนื่องจากคนไม่รู้จักเรา ก็กลัวว่าเหตุเล็กจะกลายเป็นเหตุใหญ่ ตอนนั้นเราไม่ทราบว่าใครเป็นใคร ก่อนดูว่าไม่มีใครใช้อาวุธ เมื่อไม่มีใครใช้อาวุธเราก็ต้องใช้สติ และก่อนจะเข้าไปแสดงตัวเพื่อระงับเหตุ ก่อนจะทราบว่าเป็นเหตุขโมยรถ และคนร้ายก็ยังปฏิเสธว่าขับรถอยู่ดีๆ ก็มีคนมาถีบรถ ตอนนั้นก็พยายามสังเกตทั้งสองฝ่ายมีเด็กอยู่ในรถ จากนั้นตำรวจท้องที่ก็มาตรวจสอบ ฝ่ายหนึ่งก็บอกว่า แจ้งความรถหายไป 1 เดือน ก่อนจะเจอรถ ก่อนจะบอกให้ใจเย็นๆ แต่อีกฝ่ายก็บอกว่าเขายืมรถมา จึงพยายามทำให้ทั้งสองฝ่ายใจเย็นๆ ก่อนไปคุยกันที่สถานีตำรวจ

รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล  กล่าวว่า หลังจากวันนั้นตำรวจ สน.ดุสิตตรวจสอบพบว่ารถคันนี้เป็นที่ขโมยมา และส่งตัวไปที่ สภ.คลองหลวง เพื่อดำเนินคดีแล้ว สำหรับกรณีไม่ได้เจอบ่อยๆ ต้องชื่นชมว่าลูกชายเจ้าของรถมีสติพอสมควร ในการติดตามประกบจะได้แจ้งข้อมูลได้ แต่ไม่บันดาลโทสะในการเข้าชน และขอบคุณวินจักรยานยนต์ที่เป็นพลเมืองดี

“ที่เข้าช่วยเหลือ ส่วนเรื่องการแจ้งเหตุต้องเรียนการทำงานของตำรวจ ว่าต้องบันทึกข้อมูล พนักงานวิทยุก็จะแจ้งต่อ ว่าอยู่ในเขตไหน การทำงานของเราไม่ได้รอจนจบแล้วถึงค่อยแจ้ง แต่ก็เข้าใจว่าถ้าเป็นประชาชนที่ประสบเหตุก็คงรำคาญ เมื่อถูกถามเยอะๆ  และต้องบอกว่า 191 รับแจ้งข้อมูลเท็จในแต่ละวันมีจำนวนมาก โดยการแจ้งเหตุนั้นขอให้มั่นใจว่าตำรวจจะมาทันที แต่ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านพื้นที่ต่างๆด้วย ส่วนตำรวจก็จะนำเรื่องที่เจอครั้งนี้นำไปปรับปรุงแก้ไขต่อไป” พล.ต.ต.ฤชากร ทิ้งท้าย

 

 

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ