วันนี้ (22 พ.ย. 60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊กเป็นภาพเหตุการณ์ หญิงสาวคนหนึ่งกำลังยืนอยู่กลางช่องที่จอดรถแห่งหนึ่งซึ่งคาดว่าเป็นที่จอดรถของเอกชนซึ่งไม่ระบุรายละเอียด โดยหญิงคนนี้ยืนนิ่งไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหน ส่วนใกล้ๆ กันก็มีรถจอดอยู่ในลักษณะกำลังถอยท้ายเข้าไปจอดในซอง โดยคนขับรถซึ่งคาดว่าจะเป็นผู้ถ่ายคลิปนี้ด้วยได้ลงจากรถมาต่อว่าหญิงคนดังกล่าวว่าเป็นทำอย่างนี้ไม่ได้ ไม่ถูกต้อง รถคันไหนวนมาถึงก่อนก็ต้องได้ก่อน ไม่ใช่มายืนดักรอ เพราะการทำอย่างนี้เรียกว่าเป็นการแซงคิว
จากนั้นชายคนที่ถ่ายคลิปกับผู้หญิงมีอายุอีกคนหนึ่งต่อว่าหญิงคนดังกล่าวอยู่นานหลายนาที พร้อมเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัยมาจัดการ ต่อมาชายคนถ่ายคลิปและหญิงคนนั้นก็เริ่มมีอารมณ์ต่อว่าแรงขึ้นต่อว่าว่าเห็นแก่ตัว และแต่หญิงคนที่ยืนอยู่ในช่องที่จอดรถก็ยืนนิ่งไม่ได้ตอบโต้กลับแต่อย่างใด และดูโทรศัพท์มือถือของตัวเองอยู่ตลอดเวลา แต่สุดท้ายเมื่อถูกต่อว่าหนักเข้า หญิงคนดังกล่าวจึงทนไม่ไหวแสดงอาการตอบโต้กลับเหมือนกัน
หลังผู้ใช้เฟซบุ๊กเจ้าของคลิปดังกล่าวเผยแพร่คลิปดังกล่าวออกไป พร้อมกับตั้งคำถามว่าทำแบบนี้ใครถูกใครผิด ก็ทำให้ชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก ซึ่งก็มีทั้งที่เห็นว่า ผู้หญิงคนที่ยืนเฝ้าที่จอดรถนั้นทำไม่ถูก แต่ก็มีบางส่วนเห็นว่าต่างฝ่ายต่างทำไม่เหมาะสมทั้งคู่ คนที่จองที่ก็ผิด คนที่ถ่ายคลิปต่อว่าคนอื่นก็ผิดเหมือนกัน
ประเด็นที่ถกเถียงกันว่าสิทธิที่จอดรถเป็นของใคร การกระทำของทั้งสองฝ่ายใครผิดใครถูก ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ระบุว่า กรณีแย่งที่จอดรถดังกล่าวซึ่งเป็นที่จอดรถของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ไม่มีกฎหมายใดกำหนดเกี่ยวกับการจอดรถ โดยเฉพาะในที่ของเอกชน ซึ่งเจ้าของไม่ได้มีข้อกำหนดเกี่ยวกับการจอด โดยเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องของมารยาททางสังคมเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ทนายรณณรงค์ บอกว่า แม้จะไม่มีกฎหมายกำหนด แต่โดยหลักของคนที่เข้ามาใช้บริการที่จอดรถ คนที่ขับรถมาถึงก่อนก็มีสิทธิเลือกที่จอดรถก่อน คันที่มาหลัง โดยย้ำว่าเป็นคนที่มากับรถ พร้อมบอกว่าการยืนจองที่จอดรถดังในคลิปเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ
ส่วนการถ่ายคลิปคู่กรณี ทนายรณณรงค์ ระบุว่า การถ่ายคลิปไม่มีความผิดแต่การต่อว่าซึ่งหน้าด้วยถ้อยคำที่รุนแรง เข้าข่ายดูหมิ่นซึ่งหน้าตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งผู้ถูกต่อว่าสามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ ส่วนการนำคลิปมาเผยแพร่ในโลกออกไลน์โดยไม่ปิดบังใบหน้า ผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งได้ เนื่องจากผู้ลงคลิปมีเจตนาจะประจาน นอกจากนี้คนที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นในคลิปหากเข้าข่ายหมิ่นประมาทผู้เสียก็สามารถฟ้องร้องได้เช่นกัน
ทั้งนี้ ทนายความรายนี้ ยังฝากเตือนถึงประชาชนที่ดูคลิปดังกล่าวว่า ไม่ควรลอกเลียนแบบทั้งการยืนจองที่จอดรถ รวมถึงการถ่ายคลิปนำมาประจานในสังคมออนไลน์และการต่อว่าผู้อื่นด้วยถ้อยคำรุนแรง