เปิดบันทึก “ครูจอมทรัพย์” ฉากชีวิตที่เลือกเอง


โดย PPTV Online

เผยแพร่




คดีดังในช่วงนี้ที่หลายคนให้ความสนใจเป็นอย่างมากอีกหนึ่งคดี คือ “คดีครูจอมทรัพย์” หรือ นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร ที่ออกมาร้องขอให้ศาลรื้อฟื้นคดี กระทั่งศาลฎีกามีคำพิพากษาไม่รื้อฟื้นคดี และนำมาสู่การดำเนินคดีใหม่ในข้อหา “นำสืบพยาน-หลักฐานเท็จต่อศาล และซ่องโจร”

สำหรับข้อหานำสืบพยาน-หลักฐานเท็จต่อศาล มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 14,000 บาท และข้อหาซ่องโจรมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท

เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจที่มาที่ไปของ “คดีครูจอมทรัพย์” นิวมีเดียพีพีทีวี ขอสรุปไทม์ไลน์ซึ่งอ้างอิงจากคณะทำงานสืบสวนสอบสวนขบวนการรับจ้างรับผิดแทนครูจอมทรัพย์ เพื่อให้เข้าใจง่าย ดังนี้

11 มีนาคม 2548

เวลา 20.30 น. นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร ขับรถคันหมายเลขทะเบียน บค 56 สกลนคร เฉี่ยวชน นายเหลือ พ่อบำรุง ถึงแก่ความตาย เหตุเกิด ถนนสายธาตุน้อย-นาเหนือ ต.ทางลาด อ.เรณูนคร จ.นครพนม

21 มิถุนายม 2548

พ.ต.ท.ทงศักดิ์ โพธิ์โหน่ง พนักงานสอบสวน สรุปสำนวนการสอบสวน มีความเห็น “สั่งฟ้อง” พร้อมส่งสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการ เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2548 และพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง ตามความเห็นของพนักงานสอบสวน

25 สิงหาคม 2549

ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 3 ปี 2 เดือน

7 พฤษภาคม 2552

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง

26 กุมภาพันธ์ 2556

ศาลฎีกาพิพากษากลับตามศาลชั้นต้นส่ง “ครูจอมทรัพย์” เข้าเรือนจำ

นายสุริยา นวนเจริญ (ครูอ๋อง) ได้ให้นายสมจิต หรือวิจิตร คำลือชัย โทรไปกล่าวหา นายสับ วาปี ว่าเป็นผู้ขับขี่รถยนต์ทะเบียน บค 56 มุกดาหาร เฉี่ยวชนนายเหลือ พ่อบำรุง ถึงแก่ความตาย ซึ่งนายสับปฏิเสธแจ้งว่าได้ขายรถคันดังกล่าวให้นายลัน โพนแก้ว ผู้ใหญ่บ้านไปแล้วตั้งแต่ปีพ.ศ.2545-2546 ในราคา 50,000 บาท

นายสมจิต หรือวิจิตร คำลือชัย จึงโทรศัพท์นัดให้ไปคุยกับนายสุริยา นวนเจริญ (ครูอ๋อง) ที่บ้าน สว.จิตร ศรีโลหะ หลังจากนายสับ วาปี ปฏิเสธไป 2 วัน

ที่บ้าน สว.จิตร ศรีโลหะ นายสมจิต หรือวิจิตร คำลือชัย พานายสุริยา นวนเจริญ (ครูอ๋อง) ไปพบนายลัน โพนแก้ว ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อสอบถามเกี่ยวกับเรื่องรถที่ผู้ใหญ่ลัน ได้แจ้งว่าขายให้นายอุบล และผู้ใหญ่ลัน ได้พาไปบ้านนายอุบล พบว่า ขายเป็นเศษเหล็กไปแล้ว

นายสุริยา นวนเจริญ (ครูอ๋อง) จึงเจรจาว่าจ้างให้นายสับ วาปี รับว่าขายรถให้นายเสริฐ รูปสะอาด โดยนายเสริฐมารับว่าเป็นคนขับรถแทน โดยจะจ่ายค่าจ้างให้นายสับ เบิกความเท็จ 100,000 บาท และให้นายเสริฐ 200,000 บาท ซึ่งนายสับ ตอบตกลง

23 ธันวาคม 2556

นายสุริยา นวนเจริญ (ครูอ๋อง) ไปแจ้งต่อพันตำรวจโทกิตติศักดิ์ สัมฤทธิ์สกุลชัย พนักงานสืบสวน สภ.เรณูนคร เพื่อขอดำเนินการรื้อฟื้นคดี โดยมี นายเสริฐ รูปสะอาด สมอ้างเป็นผู้กระทำความผิด โดยนายสุริยาอ้างว่าได้ไปยื่นขอถวายฎีกาและทางสำนักราชเลขาได้ให้คำแนะนำ ให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดที่แท้จริงก่อนจึงจะนำผลคดีไปประกอบยื่นถวายฎีกาได้

นายสุริยา จึงพานายเสริฐ มาแจ้งความในฐานะผู้ขับขี่รถชนนายเหลือ พ่อบำรุง ถึงแก่ความตาย

25 ธันวาคม 2556

ผู้กำกับ สภ.เรณูนคร จึงมีหนังสือที่ ตช ๐๐๑๙ (นพ).๕(๑๒)/๓๙๑๒ ลง 25 ธ.ค.2556 หารือมายัง บก.ภ.จว.นครพนม และ บก.ภ.จว.นครพนม จึงมอบหมายให้ สภ.นาโดน เป็นผู้สอบสวนข้อเท็จจริง

7 มกราคม 2557

ในชั้นการสอบสวนข้อเท็จจริงโดย พ.ต.ท.อดิศักดิ์ ผู้สอบสวนข้อเท็จจริง ปรากฏว่า

1.นายนิรันดร์ให้การว่าคนขับรถคือนายเสริฐ โดยได้ซื้อรถมาจากนายสับ หลังจากเกิดเหตุ นายเสริฐ ได้นำรถไปขายเป็นเศษเหล็กแล้ว

2.นายสุริยา หรือครูอ๋อง ให้การสอดคล้องกับนายนิรันดร์

3.นายเสริฐ ให้การสอดคล้องกับนายนิรันดร์

4.จากนั้น พ.ต.ท.อดิศักดิ์ จึงพากันไปดูที่เกิดเหตุ และสอบถามนางทัศนีย์ ให้การว่าผู้ชายเป็นผู้ขับรถ

5.ผลการชี้ที่เกิดเหตุ นายเสริฐ นำชี้ที่เกิดเหตุไม่สมจริง

6.พ.ต.ท.อดิศักดิ์ แจ้งนายสุริยา กับพวกว่าจะเดินทางไปสืบสวนอู่ซ่อมรถและผู้ที่ซื้อรถให้ชัดเจน

7.นายเสริฐ ไม่มีใบขับขี่และขับรถไม่เป็น

10 มกราคม 2557

นายสุริยา โทรมาขอโทษ พ.ต.ท.อดิศักดิ์ และแจ้งว่านายเสริฐไม่ใช่คนขับรถที่แท้จริง แต่ผู้ที่ขับรถที่แท้จริงคือนายสับ โดยอ้างว่า สว.จิตร เป็นพยานว่านายสับ เคยรับสารภาพกับ สว.จิตร ว่าเป็นคนขับ

พ.ต.ท.อดิศักดิ์ สอบถามในสุริยากับพวกไว้พยายนคดีสืบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งยืนยันข้อเท็จจริงดังนี้

1.นายสุริยา ให้การว่านายสับเป็นคนขับรถ

2.นายนิรันดร์ ให้การว่านายสับเป็นคนขับรถ

3.นางทัศนีย์ ให้การว่านายสับเป็นคนขับรถ

19 พฤษภาคม 2557

นายสุริยาไปพูดกับนายสับ ว่านายเสริฐขับรถไม่เป็น ไม่มีใบขับขี่ ขอให้นายสับให้การว่าตนเองเป็นผู้ขับรถชนนายเหลือ พ่อบำรุง ถึงแก่ความตาย โดยจะให้ค่าจ้าง 400,000 บาท มีเงื่อนไขว่าจะให้หลังศาลรับฟ้อง

นายสับ ตกลงจึงนัดหมายกันให้มาลงบันทึกประจำวันเป็นหลังฐาน ที่ สภ.นาโดน

19 พฤษภาคม 2557

นายสุริยา พา นายสับ มาแจ้งความที่ สภ.นาโดน ตาม ปจว.ข้อ 1.เวลา 13.30 น. โดยนายสับเป็นผู้แจ้งว่า เป็นคนขับรถชนนายเหลือ พ่อบำรุง ถึงแก่ความตาย โดยมีทนาย และนายสุริยา เป็นผู้แจ้งให้ตำรวจเขียนข้อเท็จจริงแล้วจึงให้นายสับลงชื่อโดยมีพี่ชายนายสับ คือ นายเลิศ, นายเทิงและนางจันทร์ ภรรยา ลงชื่อเป็นพยายนว่าเป็นเรื่องจริง

10 มิถุนายน 2557

นายสุริยา ได้นำเงินจำนวน 170,000 บาท มอบให้นายสับ นำไปจ่ายให้กับญาตินายเหลือ โดยวางเงินที่ศาลต่อหน้าครูจอมทรัพย์ ต่อหน้าทายาทผู้เสียชีวิต ในฐานะเป็นผู้ขับขี่รถชนนายเหลือ ถึงแก่ความตาย โดยให้นายสับแถลงต่อศาลว่าตนเองเป็นผู้ขับรถเฉี่ยวชนนายเหลือ ถึงแก่ความตาย มิใช่นางจอมทรัพย์ จึงนำเงินมาชดใช้ค่าเสียหาย โดยนายสับพูดตามคำแนะนำของทนาย

จากนั้นได้มีการนำหลักฐานที่นายสับจ่ายเงินชดเชยละเมิดตามคำสั่งศาลไปยื่นต่อกระทรวงยุติธรรมขอความช่วยเหลือในการรื้อฟื้นคดีใหม่ของนางจอมทรัพย์ ให้รื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาและพิพากษาใหม่

ต่อมาปลายปี 2557 เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมมาสอบปากคำนายสับ โดยนายสุริยา เป็นผู้มารับนายสับไปร้านก๋วยเตี๋ยวใกล้ที่เกิดเหตุ สอบปากคำและชี้ที่เกิดเหตุ โดยก่อนหน้านั้น นายสุริยา ได้พานายสับไปซักซ้อมการนำชี้ที่เกิดเหตุก่อนประมาณ 3-4 ครั้ง ก่อนชี้จริง

23 กันยายน 2558

นายสับ จึงได้เข้าเบิกความต่อศาลจังหวัดนครพนม ในชั้นไต่สวนในการรื้อฟื้นคดีใหม่ของครูจอมทรัพย์ โดยเบิกความว่าเป็นผู้บับรถชนนายเหลือถึงแก่ความตาย โดยมีผู้เบิกความเป็นพยาน คือ

1.นางทัศนี หาญพยัคฆ์

2.นางทองเรศ วงศ์ศรีชา

3.นางจันทร์ วาปี ยืนยันว่าสามีเป็นผู้ขับรถชนจริง

4.โดยมีนางจอมทรัพย์นำเอกสารเท็จไปยื่น

เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมได้นำตัวนางจอมทรัพย์, นายสุริยา ,นายสับ และทนายความ ไปเก็บตัวที่โรงแรมในจังหวัดหนองคาย 1 คืน และขึ้นเครื่องไปกรุงเทพฯ อยู่ที่กรุงเทพฯ เป็นเวลา 4 สัปดาห์ โดยระหว่างเดินทางไปขึ้นเครื่องที่จังหวัดอุดรธานี นายสับได้สารภาพต่อนายเอ็มเจ้าหน้าที่ดีเอสไอว่าถูกจ้างมาให้เป็นแพะรับผิดแทนครูจอมทรัพย์ นายเอ็มจึงพูดว่าไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวจะช่วยให้ไม่ต้องติดคุกติดตะราง

3 กุมภาพันธ์ 2560

เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม ได้นำนางจอมทรัพย์ เข้าเครื่องจับเท็จแต่ไม่สามารถประมวลผลได้

4 กุมภาพันธ์ 2560

เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมนำนายสับ วาปี เข้าเครื่องจับเท็จ เครื่องประมวลผลว่า นายสับ พูดเท็จ นายสับจึงให้การรับสารภาพต่อเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมเครื่องจับเท็จว่าถูกจ้างมาให้รับผิดแทน นางจอมทรัพย์ ด้วยเงิน 400,000 บาท และแจ้งว่าจะพูดความจริงในการเบิกความชั้นศาล

5 กุมภาพันธ์ 2560

เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม นำนายสุริยา หรือครูอ๋อง เข้าเครื่องจับเท็จ เครื่องประมวลผลว่านายสุริยาพูดเท็จ

เวลา 19.00 น.ขณะที่นายสับพักอยู่ที่ห้องพักภายในรีสอร์ต ที่ กทม. ที่กระทรวงยุติธรรมจัดหาให้ โดยพักอยู่ห้องเดียวกับนายสุริยา โดยนางจอมทรัพย์ซึ่งพักอยู่ห้องติดกัน

นางจอมทรัพย์ได้เปิดประตูเข้ามาต่อว่านายสับ ว่า “ทำไมจึงได้พูดความจริงเรื่องถูกจ้างเป็นแพะมารับผิดแทนครูจอมทรัพย์กับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ”

นายสับได้ปฏิเสธกับครูจอมทรัพย์ว่า “ไม่ได้พูด”

นางจอมทรัพย์จึงได้ให้ตรวจดูข้อความในไลน์ซึ่งมีผู้ส่งเข้ามาบอกว่า “นายสับ ได้รับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอแล้วว่าถูกจ้างมา”

นายสับ จึงได้รับกับครูจอมทรัพย์ว่า “ได้ให้การรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอว่าถูกจ้างมาจริง เนื่องจากไม่ผ่านเครื่องจับเท็จ จึงต้องพูดความจริง”

นางจอมทรัพย์จึงได้พูดกับนายสับ และนายสุริยา ว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ตัวใครตัวมัน อย่าพาดพิงถึงคนอื่น”

นายสุริยา จึงได้บอกว่า “ไม่เป็นไรหรอกจะรับผิดชอบคนเดียวเอง”

ดีเอสไอ นำรถยนต์ของครูจอมทรัพย์ได้ตรวจพิสูจน์ ที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ยืนยันว่ารถยนต์คันดังกล่าวไม่เคยถูกเฉี่ยวชนมาก่อน

บริษัท โตโยต้า ยืนยัน ว่า แผ่นป้ายทะเบียนรถคันดังกล่าวเป็นของจริง

เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ จึงสรุปว่ารถคันดังกล่าวไม่เคยเฉี่ยวชนมาก่อน และนำเอกสารผลการตรวจพิสูจน์ดังกล่าวเสนอต่อศาล

8 กุมภาพันธ์ 2560

นางจอมทรัพย์ แสดงเอกสารเท็จต่อศาล ผู้เชี่ยวชาญ ดีเอสไอ พานายสับ วาปี มาศาล แจ้งไม่ได้ให้ขึ้นเบิกความ โดยแจ้งว่าเป็นพยานปากเปล่า ไม่ต้องขึ้นเบิกความก็ได้ จะใช้พยานผู้เชี่ยวชาญ และใช้พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ขึ้นเบิกความแทนนายสับ โดยในวันดังกล่าว ได้มีการนำรถยนต์คันที่เกิดเหตุไปศาลและยื่นคำร้องให้ศาลเผชิญสืบตรวจสอบดูรถที่ชั้นล่างของศาล

นายสับ วาปี เป็นพยานหลักฐานใหม่ แต่ไม่ได้นำขึ้นเบิกความต่อศาล เนื่องจากนายสับ วาปี บอกว่าหากขึ้นศาลจะเบิกความต่อศาลตามความจริง นางจอมทรัพย์จึงไม่ได้ให้นายสับขึ้นเบิกความ โดยควบคุมตัวไว้ในรถแวนปาเจโร่สีดำ ในระหว่างการพิจารณาในศาลจนแล้วเสร็จ

นายสับ ได้ค่าจ้างในการดำเนินการดังกล่าวเพียงแค่ 3,000 บาท ไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้จำนวน 400,000 บาท

 

อ่านข่าวเพิ่ม

ดีเอสไอลั่นพร้อมสอบจนท. หลัง“ครูจอมทรัพย์”ซัดทอดเอี่ยวพยานเท็จ

“ครูจอมทรัพย์”ซัดก.ยุติธรรม รู้เห็น“สับ วาปี”ให้การเท็จก่อนไต่สวนรื้อคดี

ศาลนครพนม ให้ประกันตัว “สับ วาปี” ด้วยหลักทรัพย์ 1 แสนบาท

ตร.ตั้ง 7 ชุดสืบสวน ลุยสอบขบวนการรับจ้างติดคุก-จ่อฟัน “ครูจอมทรัพย์”

ศาลฎีกายกคำร้องรื้อฟื้นคดี “ครูจอมทรัพย์”

PR-โปรแกรมผลบอล-2_B PR-โปรแกรมผลบอล-2_B
TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ