สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ชาวเมืองบอสตันต้องรับมือกับสภาพอากาศที่เลวร้ายตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะพื้นที่ติดชายทะเล มีน้ำไหลทะลักเข้าตัวเมืองสูงเกือบเมตร ช่วงน้ำขึ้น โดยมีผู้เห็นเหตุการณ์ถ่ายเอาไว้ได้บริเวณอ่าวบอสตัน เมื่อวันที่ 4 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยคนขับรถพยายามขับรถออกจากจุดที่เกิดน้ำท่วมฉับพลัน
ขณะที่เมืองแมสซาชูเซตส์ ซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองบอสตัน โดยมีภาพถูกแชร์ลงในโซเชียล ซึ่งเจ้าของคลิปดังกล่าว ตื่นขึ้นมาก็เห็นสภาพเมืองที่ถูกน้ำท่วมข้ามคืน ท่ามกลางอุณหภูมิติดลบ รถยนต์ทั่วหมู่บ้านถูกแช่แข็งข้ามคืน กลายเป็นส่วนหนึ่งของธารน้ำสุดลูกหูลูกตา เป็นผลมาจากปรากฏการณ์ “บอมบ์ไซโคลน” พายุหิมะที่พัดเอาคลื่นความเย็นจากขั้วโลกเหนือมาถึงสหรัฐฯ อุณหภูมิดิ่งลง 15 ถึง 20 องศาภายในคืนเดียว
ทั้งนี้ส่วนจุดที่หนาวที่สุดในสหรัฐฯ คือยอดเขาวอชิงตัน ที่รัฐนิวแฮมเชียร์ ภาพระหว่างเจ้าหน้าที่ของหอดูดาวบนยอดเขาวอชิงตัน กำลังออกไปวัดอุณหภูมิตอนกลางคืน โดยวัดได้ -39 องศาเซลเซียส ถือว่าเป็นจุดที่หนาวที่สุดทั่วทวีป และหนาวที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกแต่ถ้ารวมแรงลมไปด้วยแล้วจะรู้สึกเหมือนกับ -100 องศาเซลเซียส (ความเร็วลมประมาณ 175 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
ด้านเจ้าหน้าที่ เปิดเผยว่า แม้จะใส่ชุดกันหนาวหนาถึง 5 ชั้น แต่ออกไปข้างนอกแค่ไม่กี่นาทีก็รู้สึกชาไปทั้งตัวแล้ว ถ้าไม่ใส่ชุดกันหนาวผิวหนังจะโดนหิมะกัดทันที ถ้าไม่ใส่แว่นป้องกัน น้ำในตาจะกลายเป็นน้ำแข็ง กระพริบตาไม่ได้ โดยภายในวันนี้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ จะเริ่มค่อยๆ อุ่นขึ้น ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาของสหรัฐฯ รายงานว่า ตลอดสัปดาห์นี้สภาพอากาศทั่วประเทศจะดีขึ้นเรื่อยๆ คาดว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หิมะและน้ำแข็งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ จะค่อยๆ เริ่มละลาย เพราะอุณหภูมิจะสูงขึ้นจากความหนาวเย็นแบบทุบสถิติ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตทั่วประเทศจากผลกระทบของพายุหิมะที่ผ่านมาอย่างน้อย 19 คน