เมื่อวันที่ (10 ม.ค. 61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาพที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก โพสต์ขึ้นโดยอ้างว่า มีนักท่องเที่ยวถูกเจ้าหน้าที่ของโรงแรมดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต ขับไล่ออกจากชายหาดที่หาดเลพัง-บางเทา อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา ถูกผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตสั่งให้ตรวจสอบทันที
นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยผลการตรวจสอบตั้งแต่เมื่อวานนี้ โดยนายอำเภอถลาง กำนันตำบลเชิงทะเล นายก อบต. เชิงทะเล และผู้ประกอบการชายหาด พบว่ามีสภาพคล้ายหาดสาธารณะ แต่มีแนวเขตด้านทิศตะวันตกติดหาดทราย และมีหมุดแสดงแนวเขตที่ดินปักอยู่บริเวณชายหาด
นายอำนวย พิณสุวรรณ เจ้าพนักงานที่ดิน จ.ภูเก็ต บอกว่า ที่ดินจุดนี้มีโฉนดที่ดินจริง เลขที่ดิน 159 ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เนื้อที่ 17 ไร่ กับ 84.6 ตารางวา เป็นการออกโฉนดที่ดินเฉพาะรายตามมาตรา 58 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2552
ข้อมูลจากสำนักง่านที่ดิน จ.ภูเก็ต ระบุว่า โฉนดที่ดินแปลงนี้ ออกสืบเนื่องมาจากหลักฐาน น.ส. 3 ก. เลขที่ 1473 แบ่งแยกมาจาก น.ส.3 ก. เลขที่ 1362 ตำบลและอำเภอเดียวกัน เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2529 เมื่อตรวจสอบ ย้อนกลับไป พบประวัติที่ดิน น.ส.3 ก. แปลงนี้ มาจากหลักฐาน ส.ค.1 เลขที่ 17 หมู่ที่ 1 ตำบลเชิงทะเล ออกเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2521
จากการตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว พบสภาพเป็นหาดทราย จึงทำให้เข้าใจว่าเป็นหาดสาธารณะ แต่ในข้อเท็จจริงที่ทางจังหวัดภูเก็ตแถลง ตรวจพบว่า แนวเขตที่ดินของโรงแรม มีหลักหมุดแสดงแนวเขตที่ดินปักอยู่บนหาดทราย แต่เพื่อความชัดเจน ทางผู้ว่าราชการ จ.ภูเก็ต ยังสั่งให้ตรวจสอบใหม่โดยละเอียดว่าแนวเขตถูกปักอย่างถูกต้องในตำแหน่งเดิมหรือไม่
ส่วนโรงแรมดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต ออกหนังสือลงวันที่ 8 มกราคม กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยอ้างว่า เจ้าหน้าที่ของโรงแรมไม่มีเจตนาขับไล่นักท่องเที่ยว เพียงแต่เข้าไปเตือนให้เคลื่อนย้ายไปจุดใกล้เคียง เพราะเกรงจะเกิดอันตราย จากการไปอยู่ใต้ต้นสน ซึ่งจะหากเกิดเหตุจะกลายเป็นความรับผิดชอบของโรงแรม เพราะอยู่ในที่เอกสารสิทธิของโรงแรม พร้อมยืนยันว่า ถึงแม้ทางโรงแรมจะต้องรักษาสิทธิส่วนตัวให้ลูกค้าของโรงแรม แต่ก็ยินดีอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวรายอื่น เพราะเป็นภาพพจน์ต่อการท่องเที่ยวในภาพรวม