นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยภาวะเงินเฟ้อ เดือนกุมภาพันธ์ 2558 เทียบกับเดือนมกราคม เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.12 ตามราคาพลังงาน ค่าโดยสารรถสาธารณะ และอาหารสดหลายรายการที่ปรับเพิ่มขึ้นในเทศกาลตรุษจีน
ทั้งนี้หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จะลดลงร้อยละ 0.52 และเมื่อเทียบ 2 เดือนแรกของปีนี้ กับปี 2557 ลดลงร้อยละ 0.47 โดยคาดว่า ตลอดทั้งปีนี้ อัตราเงินเฟ้อจะเคลื่อนไหวที่ร้อยละ 0.6-1.3 ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี จากที่เคยคาดจะอยู่ในกรอบ ร้อยละ 1.8-2.5 ภายใต้สมมติฐานอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพี ที่เติบโตร้อยละ 3-4 / ราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบเฉลี่ยทั้งปีที่ 50-60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยนที่ 32-34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
นายสมเกียรติ ยอมรับว่า ในปีนี้ไทยมีความเสี่ยงที่ต้องเผชิญปัญหาเงินเฟ้อชะลอตัว แต่ยังไม่เกิดภาวะเงินฝืด หลังราคาน้ำมันเริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น และจะติดตามอย่างใกล้ชิดว่า จะเกิดภาวะเงินฝืดในอนาคตหรือไม่ หลังพบว่าปัจจุบันประชาชนยังระมัดระวังในการใช้จ่าย
ท่ามกลางเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ ทำให้หลายหน่วยงานทางเศรษฐกิจ พยายามส่งสัญญาณให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อย่างน้อยร้อยละ 0.25 / แต่นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ กลับมองว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง หากลดอัตราดอกเบี้ย ในภาวะที่สภาพคล่องสูง และหากสหรัฐอเมริกาตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยในระยะอันใกล้นี้ ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อไทยแน่นอน
ส่วนกรณีจีนลดอัตราดอกเบี้ย กระตุ้นเศรษฐกิจ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ หรือแม้แต่การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยคิวอี เสริมสภาพคล่อง ทำให้เงินทุนเคลื่อนย้าย ของหลายประเทศ ที่ส่วนใหญ่เป็นประเทศที่มีรายได้สูง ก็จะยังไม่กระทบต่อไทย ที่ต้องปรับนโยบายตามด้วยการลดดอกเบี้ย