วันนี้ (24 ม.ค.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้แบ่งงานเพื่อตรวจรายละเอียดสำนวนคดีวิคตอเรียซีเครท หลังรับโอนจาก สน.วังทองหลาง โดยคาดว่าสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนว่าต้องสอบปากคำบุคคลใดเพิ่มเติมบ้าง อีกทั้งยังต้องรอผลการตรวจสอบหลักฐานทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ โดยเบื้องต้นทางดีเอสไอ ได้ประสานไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เพื่อให้ช่วยตรวจสอบเส้นทางการเงินพร้อมทั้งอายัดบัญชีที่เกี่ยวข้องของ นายกำพล วิระเทพสุภรณ์ หรือ เสี่ยกำพล และนางนิภา วิระเทพสุภรณ์ ภรรยาของนายกำพล ซึ่งเชื่อว่าเป็นเจ้าของวิคตอเรียตัวจริง เพื่อให้ ปปง. ช่วยประสานธนาคารขออายัดบัญชีดังกล่าวจำนวนกว่า 10 บัญชี รวมวงเงินกว่า 100 ล้านบาท เนื่องจากพบว่ามีการโอนเงินจำนวนหนึ่งออกจากบัญชีไปก่อนที่จะถูกออกหมายจับ ส่วนการติดตามตัวนายกำพลนั้น ทางดีเอสไอได้จัดชุดสะกดรอยติดตามตัว และได้เบาะแสบางส่วนแล้ว
ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ตรวจสอบสถานบริการทั่วกรุงเทพมหานคร รวมทั้งหมด 82 แห่ง เกี่ยวกับเรื่องการลักลอบขุดเจาะใช้น้ำบาดาล โดยให้เจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างน้ำให้แล้วเสร็จตั้งแต่เมื่อคืนกลางดึกที่ผ่านมา ซึ่งจากการเก็บตัวอย่างน้ำภายใน วิคตอเรียซีเครท พบว่า ด้านหลังมีปั๊มน้ำบาดาลเก่าใช้การไม่ได้แล้ว แต่คาดว่ามีการลักลอบขุดเจาะน้ำบาดาลจึงตรวจสอบต่อจนพบบ่อพักน้ำเชื่อมต่อกับท่อพีวีซี ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นจุดที่ใช้ขุดเจาะน้ำบาดาล เป็นบ่อขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางกว้าง 6 นิ้ว ลึกประมาณ 180 เมตร และคาดว่าดูดน้ำได้ถึง 50 คิว ต่อชั่วโมง
ทั้งนี้ส่วนเรื่องคำสั่งของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ให้ข้าราชการตำรวจตำแหน่งผู้กำกับการ ในสังกัด บช.น. ทุกนาย รายงานว่า มีข้าราชการคนใดเข้าไปใช้บริการวิคตอเรียซีเครท เมื่อวันที่ 10 ม.ค. ระหว่างเวลา 19.30 จนถึง 22.00 น. เนื่องจากผลการสอบสวนของคณะกรรมการปรากฎว่า ไม่มีนายตำรวจคนใดยอมรับว่าเป็นผู้กำกับในโพยรายชื่อที่เข้าไปใช้บริการ จึงต้องสั่งให้สอบสวนเป็นรายบุคคลเพื่อตรวจสอบหาตัวผู้กำกับปริศนารายดังกล่าวมาดำเนินการตามความผิดให้ได้ และจะต้องรายงานต่อคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงให้ทราบภายในวันที่ 25 ม.ค.นี้