เมื่อวันที่ (16 ก.พ. 61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กว่า 18 ชั่วโมงที่พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามเชิญพยานปากสำคัญฝ่ายครูปรีชา ได้แก่ นางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือ เจ๊บ้าบิ่น นางพัชริดา พรมตา หรือ เจ๊พัช มาสอบปากคำอย่างเคร่งเครียดที่สถานีตำรวจทางหลวง 6 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี
แม้ว่าจะยังไม่มีการเปิดเผยผลการสอบสวนพยานปากคำสำคัญฝ่ายครูปรีชาแต่ตลอดช่วงเวลาที่ตำรวจกำลังสอบสวนพยานอยู่นั้นก็มีกระแสข่าวในโซเชียลมีเดียออกมาว่า นางรัตนาพร หรือ เจ๊บ้าบิ่น ซึ่งเป็นพยานฝ่ายครูปรีชา อาจจะกลับคำให้การ ซึ่งในเรื่องนี้ได้รับคำตอบยืนยันจาก พลตำรวจโท ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งเดินทางมาควบคุมการสอบสวนด้วยตัวเอง ระบุว่า ยังมีพยานคนใดกลับคำให้การ และหลังจากนี้หากเกิดอะไรขึ้นก็ต้องรับผิดชอบ
นอกจากการเรียกสอบปากคำพยานปากสำคัญฝ่ายครูปรีชาแล้ว พนักงานสอบสวนกองปราบปรามยังเรียกพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี 4 นาย ประกอบด้วยนายตำรวจยศพันตำรวจโท , ร้อยตำรวจเอก , ร้อยตำรวจโท , และนายดาบตำรวจ มาซักถามรายละเอียดในการทำคดีดังกล่าวด้วย ซึ่ง ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ระบุว่า จากการซักถามกลุ่มตำรวจที่เรียกมาก็ได้ประโยชน์กับคดีเพราะทำให้รู้ที่มาที่ไป และจะตรวจสอบเรื่องการทำหน้าที่ไปตามข้อเท็จจริง หากใครทำไม่ดีก็จะไม่เอาไว้
พลตำรวจตรี สุทธิ พวงพิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยกับทีมข่าวพีพีทีวีถึงการถูกผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเชิญไปซักถามถึงการทำคดีหวย 30 ล้านว่า ชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลาไม่นานในการให้ปากคำ แต่ พลตำรวจตรีสุทธิ ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเชิงลึกว่าเขาและตำรวจทั้ง 4 นาย ได้ให้ปากคำเรื่องใดบ้าง โดยระบุสั้น ๆ เพียงว่า เป็นการให้รายละเอียดเกี่ยวกับคดีเท่านั้น
ส่วนกรณีที่เคยเชิญร้อยตำรวจโทจรูญไปพบที่บ้านพักนั้น พลตำรวจตรีสุทธิ ระบุว่า เป็นเพียงพูดคุยสอบถามรายละเอียดเรื่องหวยแค่นั้น ไม่ได้ไปเคลียร์เรื่องส่วนให้กับทั้งสองฝ่ายแต่อย่างใด ส่วนการเชิญตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ 4 นายไปปากคำจะกระทบกับการทำคดีนี้หรือไม่ พลตำรวจตรีสุทธิ ไม่ขอแสดงความเห็น โดยระบุว่าให้ไปถามจากทางกองบังคับการปราบปรามเอง