ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพริมชายฝั่งทะเลประเทศไทย ที่ผ่านการวางแนวกันคลื่น มักจะพบปัญหาคลื่นกัดเซาะบริเวณรอบแนวกันคลื่น นายศักดิ์อนันต์ ปลาทอง อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ผู้เชี่ยวชาญวิทยาศาสตร์ทางทะเล ระบุว่า ผลกระทบนี้เกิดจากการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากการนำวัตถุ เช่น หิน แท่งปูน ไปวางกันคลื่น เป็นการเพิ่มความรุนแรงและความสูงของคลื่นส่งผลให้น้ำไปกัดเซาะบริเวณโดยรอบแนวกั้นแทน
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ คือการพัฒนาโครงสร้างริมชายฝั่ง อาทิ รั้วกั้นที่ดิน สะพาน อาคาร และเขื่อนกั้นปากร่องน้ำ โดยเห็นว่าการแก้ไขที่ดีที่สุดคือ รื้อถอนสิ่งก่อสร้าง ไปพร้อมกับการควบคุมและยับยั้งโครงการใหม่ๆ ปลูกป่าเป็นแนวกันชน หรือ ใช้วิธีติดตามเฝ้าระวังโดยไม่ต้องดำเนินการป้องกันและแก้ไข
ด้านนายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ระบุว่า เบื้องต้นได้วางแนวทางแก้ปัญหาน้ำกัดเซาะที่ขณะพบว่าเหลือพื้นที่ชายฝั่งอีกกว่า 140 กิโลเมตร ด้วยการกำหนดพื้นที่ถอยร่น ปลูกป่า ปักเสาดักตะกอน ฟื้นฟูชายหาด และใช้แนวกันคลื่นที่เป็นโครงสร้างทางวิศวกรรม ในพื้นที่ทะเลเปิด มีคลื่นขนาดใหญ่ ควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมายห้ามดำเนินการใดๆ ที่ส่งผลกระทบต่อทะเลและชายฝั่ง