“ทรัมป์” เตรียมขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เป็นที่คาดการณ์กันว่าในวันนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ จะประกาศมาตรการคว่ำบาตรการค้าจีนครั้งใหม่ ด้วยการใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในอัตราที่สูงขึ้น คิดเป็นมูลค่ากว่าปีละ 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 2 ล้านล้านบาท) หรือเท่ากับ 10% ของมูลค่าสินค้าที่จีนส่งออกไปยังสหรัฐฯในปี 2017 โดยสินค้าที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ มีตั้งแต่สินค้าในหมวดเทคโนโลยี การสื่อสาร สิ่งทอ รวมถึงของใช้ในชีวิตประจำวัน  

รัฐบาลสหรัฐฯชี้แจงว่า กำแพงภาษีที่ตั้งขึ้น เป็นหนึ่งในมาตรการตอบโต้ที่จีนขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทอเมริกันที่เข้าไปทำธุรกิจในจีน ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลวอชิงตันพยายามหารือกับจีน เพื่อให้หาทางแก้ไขมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่เป็นผล

นอกจากการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนแล้ว คาดว่าสหรัฐฯจะประกาศใช้มาตรการจำกัดการลงทุนของจีนในสหรัฐฯ และยื่นเรื่องร้องเรียนไปยังองค์การการค้าโลก (WTO) ด้วย

ด้านรัฐบาลปักกิ่งประกาศชัดว่าพร้อมใช้มาตรการตอบโต้กับสินค้าที่สหรัฐฯส่งออกไปจีนเช่นกัน โดยเฉพาะสินค้าเกษตรส่งออก อาทิ ถั่วเหลือง และข้าวฟ่าง โดยจีนจะหันไปนำเข้าจากบราซิล และอาร์เจนตินาแทน รวมถึงบริษัทโบอิง ที่มีจีนเป็นลูกค้าสั่งซื้อเครื่องบินรายใหญ่

นอกจากนี้ จีนยังมีสถานะเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของสหรัฐฯ และมียอดการถือครองพันธบัตรและตั๋วเงินคลังของสหรัฐฯมากกว่าประเทศอื่นๆ ที่ผ่านมา จีนพยายามหลีกเลี่ยงโอกาสที่จะทำให้เกิดสงครามการค้ากับสหรัฐฯ โดยในระหว่างพิธีปิดการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติของจีนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ของจีน ก็ได้พูดเน้นย้ำเรื่องนี้ โดยบอกว่า “ไม่มีใครได้ประโยชน์จากสงครามการค้า ไม่มีใครเป็นผู้ชนะ”  ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของนักลงทุน และนักเศรษฐศาสตร์ ที่กังวลว่าหากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 1 และ 2 ของโลก เกิดขึ้นจริง ก็จะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้