ทนายแนะฟื้นกฎหมาย “ห้ามทรงเจ้า-เข้าผี” แก้ปัญหาฉ้อโกง  


โดย PPTV Online

เผยแพร่




กระแส “คนทรงเจ้า” หรือ “ร่างทรง” ที่ปัจจุบันมีคลิปวิดีโอออกมาตามสื่อออนไลน์อยู่บ่อยครั้งกลายเป็นเรื่องที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากในสังคม เหตุการณ์นี้มีหลายฝ่ายออกมาแสดงทัศนะว่าการทรงเจ้า เป็นการเข้าข่ายหลอกลวงประชาชน ล่าสุดทนายความอิสระได้แนะว่า ควรออกกฎหมายห้ามทรงเจ้าเข้าผี เพื่อแก้ปัญหานี้

วันนี้ ( 21 มิ.ย.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปรีชา ณ เชียงใหม่ ทนายความอิสระ เปิดเผยในรายการเป็นเรื่องเป็นข่าวว่า ที่ผ่านมาศาลเคยพิพากษาหลายเรื่องเกี่ยวกับร่างทรงว่ามีการเข้าข่ายฉ้อโกง กับตัวร่างทรงที่อ้างว่ามีเทพมาอยู่ ส่วนใหญ่คนที่เป็นร่างทรงหรือหมอดูนั้นจะอาศัยความเชื่อ แต่ไม่ใช่ว่าศาลไทยหรือนักกฎหมายไทยจะเชื่อเรื่องพวกนี้ ไม่เชื่อแต่ศาลไทยก็จะเคารพขนบธรรมเนียมประเพณี หรือความเชื่อทางศาสนาที่พิสูจน์กันไม่ได้ เมื่อพิสูจน์กันไม่ได้ศาลก็ต้องยอมรับ แต่ก็มีบางคดีที่ลงโทษเรื่องฉ้อโกง

“ความเชื่อมันขายได้ และทำให้คนตกเป็นเหยื่อได้ ความเชื่อความศรัทธากฎหมายเขาก็รับฟัง แต่ไม่ใช่เชื่อเสียทีเดียว เส้นตัดแบ่งระหว่างความเชื่อทางศาสนากับโกง ดูที่ลาภสักการะว่าจำนวนเงินที่ได้มาสูงเกินสมควรไหม รวมทั้งมีการเรียกร้องเงินทองไหม บางทีก็มีการเรียกร้องเงินกลายๆ แต่เงินที่ได้กลับมามหาศาล ส่วนใหญ่ศาลจะดูว่าผู้เสียหายได้รับความเสียหายมากแค่ไหน ถ้าเสียหายน้อยๆ ก็อาจจะไม่มองเป็นการฉ้อโกง การหลอกลวงนั้นจะดูปริมาณการเสียหายของทรัพย์สินผู้เสียหายด้วย ว่าเยอะไหม”

ทนายความอิสระ อธิบายต่อว่า  บางครั้งการจะเข้าไปดูจะเรียกค่าครู 99 บาท 100 บาท อยู่ที่ความสมัครแต่ไม่ได้บังคับ เคยเห็นคนไปดูเข้าทรง เช่น คนละ 100 บาท ถ้าวันหนึ่งมี 1 พันคน ก็วันละเป็นแสน เดือนหนึ่งก็ตก 3-4 ล้านหากบางคนดูแม่นก็จะมีค่า “ลาภสักการะ” ที่คนที่มาดูให้อีก เพราะดูตรง หรือให้เลขไปแล้วถูกรางวัล เขาเอาเงินมาให้อีก เรื่องนี้จะเป็นคดีความต้องมีผู้เสียหาย ส่วนใหญ่บางคนก็ไม่ติดใจเอาความเพราะคิดว่าจ่ายไป 100 บาท เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ถ้าหลอกคนเป็นพันคนเขาเรียกว่า “หลอกประชาชน” ซึ่งส่วนใหญ่กฎหมายเกี่ยวกับฉ้อโกงประชาชนนั้นเขาจะดูตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป แต่ละศาสนาก็มีหลักเกณฑ์การดูของแต่ละศาสนาอยู่ ไม่ถือว่าเป็นการหลอกลวง แต่ถ้าไปตั้งศาลพระภูมิ แล้วเรียกเขาเป็นแสนบาท หรือ ไปดูฮวงจุ้ยแล้วบอกว่า ถ้าตั้งแล้วคุณจะรวยแน่นอน ถ้ายืนยันถือว่าเป็นโกง แต่ถ้าบอกแล้วเขาเชื่อเอง แล้วไม่ได้ดีจริง ถือว่าไม่ได้หลอกลวง

นายปรีชา บอกว่า ตั้งแต่ พ.ศ.2434 สมัยรัชกาลที่ 5 มีพระราชโองการว่าห้ามทรงเจ้า เข้าผี เนื่องจากตอนนั้นมีเหตุการณ์ว่าคนทรงเจ้ามาบอกว่าจะมีไฟไหม้ แต่เมื่อมีไฟไหม้จริงก็มีคนเชื่อ จนมีลาภสักการะเต็มไปหมด จากนั้นจึงมีการสืบจนเจอว่าเป็นกลุ่มหลอกลวงชาวบ้าน จึงมีการออกกฎหมายตอนนั้นทรงเจ้าก็หายไป หลังจากนั้นกฎหมายนี้ก็หายไปเพราะมีกฎหมายอาญา ถ้ามีกฎหมายห้ามปัญหานี้ก็จะหายไป ส่วนตัวมองว่าการทรงเจ้าเป็นการหลอกลวงร้อยเปอร์เซ็นต์ ควรจะมีการแก้ประมวลกฎหมายอาญาซึ่งเป็นการแก้ที่ต้นทาง

“ที่ผ่านมาก็มีการไปหลอกหลวง เช่น ไปหลอกลวงคนป่วยทางกาย ซึ่งคนป่วยเขามักจะมีความอ่อนแอทางจิตใจ จะให้ไปทำอะก็ไป เขาก็ไปหาร่างทรงหวังจะรักษาโรค ก็เสียค่าครู และหลอกขายเหล็กไหลเขา เมื่อเขาไม่มีที่พึ่งและป่วยอยู่ก็ยอมซื้อเหล้กไหลต่อมาศาลสั่งลงโทษจำคุกในการฉ้อโกงโดยอาศัยความอ่อนแอของจิตใจผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายมาตรา 342 อนุมาตรา 2 โทษจำคุก 5 ปี ถ้ามีคนป่วยเข้าไปหาแล้วบอกให้กินน้ำมนต์หรือทำวิธีต่างๆ แล้วไม่หายก็สามารถแจ้งความเอาผิดได้ เพราะถือเป็นการหลอกลวงเขา” ทนายปรีชา ทิ้งท้าย

 

ชมคลิปที่นี่่...

“ฤาษีมหามุนี” รับ “ทำร้ายตัวเอง” หลังสังคมประณามเคยติดยา ทั้งที่กลับตัวแล้ว

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ