วันนี้(3 ก.ค.61) อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ นักวิชาการด้านโภชนาการ ที่ปรึกษากรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ให้ข้อมูลว่า สิ่งแรกที่หน่วยแพทย์เข้าไปถึง อาหารมื้อแรกที่จะตกถึงท้องเด็กและโค้ช ทีมหมูป่าอะคาเดมี่ทั้ง 13 คน เป็นอาหารแข็งไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะว่ากระเพาะ ลำไส้ของทุกคน รวมถึงน้ำย่อยของน้องเริ่มหยุดทำงานมาเป็นเวลา 7 วัน
ในช่วง 2-3 วันแรก ร่างกายจะดึงเอากลูโคสที่ได้จากอาหารที่กินมามื้อสุดท้ายมาใช้เป็นพลังงาน แต่พอวันที่ 3 - 4 ในช่วงสัปดาห์แรก ร่างกายจะดึงคาร์โบไฮเดรตที่อยู่ในรูปของไกลโครเจนที่อยู่ในตับออกมาเป็นพลังงาน หลังจากนั้นก็จะใช้โปรตีนและไขมันที่สะสมอยู่ ซึ่งนี่คือความมหัศจรรย์ของร่างกายมนุษย์ที่จะไม่ยอมให้ตัวเองหยุดและเสียชีวิต
แต่ที่น่ายินดี คือ ภาพในคลิปเมื่อคืนนี้ ที่น้องยังเป็นปกติ น้องยังลุกขึ้นยืนได้ แม้ขาน้องจะลีบไปก็ตาม แต่ยังคงมีการพูดจาโต้ตอบกับเจ้าหน้าที่ได้
สิ่งที่ทั้ง 13 คน จะกินได้เป็นอาหารที่อ่อนมาก ๆ ซึ่งต้องให้คุณหมอภาคย์ หรือ อายุรแพทย์ เข้าไปตรวจดูว่า ตอนนี้สภาพร่างกายของแต่ละคน ของน้องพร้อมจะรับประทานอาหารประเภทใด แต่โดยปกติตามธรรมชาติแล้ว 9-10 วัน ร่างกายอ่อนแอมาก อาหารแข็ง หรือ ควรจะเป็นอาหารทางสายยาง หรือ เป็นอาหารทางน้ำเกลือ ที่ให้แร่ธาตุ เพื่อปรับสภาพร่างกายก่อน 2-3 วันถึงจะเป็นอาหารแข็งได้
ในส่วนของพาวเวอร์เจลที่เจ้าหน้าที่นำเข้าไป เพราะเป็นอาหารที่อยู่ในรูปของอาหารที่แปลงเป็นพลังงานได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องผ่านกระบวนการย่อยและดูดซึม เหมือนกับข้าวเป็นเม็ดๆ อย่างข้าวเหนียวเป็นห่อๆ พาวเวอร์เจลใช้ได้ในภาวะฉุกเฉิน พอจะใช้ได้ระดับหนึ่ง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:
-
แพทย์แนะให้พาวเวอร์เจลสร้างพลังงาน-ความอบอุ่นให้ร่างกายเด็ก
-
“พาวเวอร์เจล”สารอาหารเฉพาะกิจของ “คนใช้พลังงานมาก-อดอาหารเป็นเวลานาน”