ท่อ HDPE แบบผิวอ่อน ยืดหยุ่นได้ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 60 เซนติเมตร คือ อุปกรณ์ที่ทีมวิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยศรีปทุม เสนอให้นำมาช่วยเหลือ 13 ชีวิตออกจากถ้ำหลวง เพราะมีความแข็งแรงและโค้งง้อ ตามเส้นทางถ้ำ ที่คดเคี้ยวและคับแคบบางช่วงได้ เพราะท่อชนิดนี้มีประสิทธิภาพดี ในการใช้ใต้ดิน
วิธีการนี้จะใช้ท่อ HDPE ไปวางไว้แนวช่องแคบของถ้ำหลวง ที่ผู้ประสบภัยเดินทางยากลำบาก ปลายท่อทั้ง 2 ฝั่งจะอยู่เหนือน้ำ เพื่อเปิดพื้นที่ให้สูบน้ำในอุโมงค์ออกให้แห้งและใส่ออกซิเจนเข้าไปในปริมาณที่เหมาะสม ส่วนการลำเลียงเด็กจะทำเป็นแคปซูล หรือ เปลผ้าใบ จากท่อ HDPE ผ่าเป็นครึ่งวงกลมติดล้อ จากนั้นจะใช้วิธีการลากแบบระบบลูกลอก ข้อเสนอนี้ถอดบทเรียนจากเหตุการณ์กู้ภัยคนงานชิลิติดเหมือง เมื่อปี 2553 จนเป็นกรณีศึกษา “ชิลี โมเดล” แต่เปลี่ยนจากการช่วยเหลือแนวดิ่งเป็นแนวนอน และติดตั้งในจุดที่เสี่ยง และยากลำบาก
การลำเลียงลักษณะนี้ ผศ.ดร.ไพจิตร ผาวัน อ.ประจำสาขาวิชาวิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยศรีปทุม มองว่า เป็นข้อเสนอที่ดีในการใช้ช่วยชีวิตทั้งหมด และหากใช้วิธีนี้เชื่อว่าจะลดระยะเวลาการเดินทางใต้น้ำในถ้ำได้ และเป็นผลดีกับร่างกายผู้ประสบภัยและทีมช่วยเหลือ
ส่วนอีกหนึ่งแนวความคิดที่นายกรัฐมนตรี พูดถึงและสั่งให้เจ้าหน้าที่ไปศึกษาข้อมูล คือแนวความคิดท่อผ้าใบ ของนายไพโรจน์ ทุ่งทอง อดีต ส.ว.อุทัยธานี และนักธุรกิจ ที่เสนอให้ใช้ผ้าใบ “แคนวาส” ที่มีความเหนียวและยืดหยุ่น สร้างเป็นอุโมงค์ลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 70 เซนติเมตร ที่เพียงพอที่จะให้มนุษย์เคลื่อนตัวที่ผ่านไปมาได้ และการทำของอุโมงค์ลมนี้ ด้านหนึ่งจะใช้ลมเป่าให้พองตลอดเวลา
ภายในติดตั้งท่อปล่อยออกซิเจนทุกๆ 25 เมตร เพื่อให้ภายในอุโมงค์มีอากศ และยังสามารถเดินสายเคเบิล หรือ บันไดลิง เพื่อใช้ปีนขึ้นลงในช่วงทางลาดชัน
จากการศึกษาข้อมูล ของเจ้าหน้าที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ. เปิดเผยกับทีมข่าวพีพีทีวีว่า อุโมงค์หรือท่อผ้าใบ ถือเป็นทางเลือกหนึ่ง ที่อาจนำไปใช้ช่วยเหลือได้ แต่ยังต้องศึกษาถึงความเป็นไปได้ หากนำไปใช้ในพื้นที่จริง โดยเฉพาะความแข็งแรง การนำผ้าใบที่มีน้ำหนักมากเข้าไปตามเส้นทางต่างๆ ของถ้ำ ที่คับแคบ ลาดชัน และคดเคี้ยว ทั้งยังต้องดำน้ำ จึงอาจทำได้ยาก และยังต้องคำนึงถึงว่าจะบรรจุลมได้ตลอดเส้นทางหรือไม่ ล่าสุดนายไพโรจน์ได้เดินทางไป จ.เชียงราย พร้อมอุปกรณ์บางส่วน เพื่อนำไปทดสอบความเป็นไปได้แล้ว