"ซีแนม" ฟ้อง "ดิว อริสรา" ผิดสัญญาร้านทำเล็บ

โดย PPTV Online

เผยแพร่

"ดิว อริสรา" ขึ้นศาลแพ่ง หลัง "ซีแนม" ฟ้องผิดสัญญาเรียกเงินลงทุนร้านทำเล็บคืน ต่างฝ่ายยันพร้อมเจรจาและไกล่เกลี่ยอีกครั้งวันที่ 24 สิงหาคม นี้

วานนี้  (17 ก.ค.61) ที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง ศาลนัดชี้สองสถานและสืบพยานโจทก์ ที่ น.ส.นิชานันท์ หรือซีแนม งามสกุลรุ่งโรจน์ นักร้อง พร้อมพวกรวม 2 คน ยื่นฟ้อง น.ส.อริสรา หรือดิว ทองบริสุทธิ์ นักแสดงเซเลบ ชื่อดัง เป็นจำเลย เรื่องผิดสัญญา เรียกค่าเสียหายพร้อมคืนเงิน ภายหลังจากที่ทั้ง 2 ฝ่ายร่วมลงทุนกันเปิดร้านทำเล็บ แต่ไม่สามารถเปิดได้ โดยคดีดังกล่าวเป็นการนัดสืบพยานครั้งแรก และเห็นว่าคดีน่าจะสามารถเจราจายอมความกันได้ จึงนัดไกล่เกลี่ยอีกครั้งในวันที่ 24 สิงหาคม 2561 นี้

 น.ส.นิชานันท์ หรือซีแนม ที่เดินทางมาพร้อมกับทนายความ กล่าวว่า ทางด้านตนเองพร้อมที่จะเจรจาและไกล่เกลี่ยอยู่แล้ว ไม่คิดที่จะฟ้องร้อง โดยทางคู่กรณีได้เดินทางมาด้วยตัวเอง ซึ่งคู่กรณียื่นคำให้การและศาลนัดที่จะไกล่เกลี่ยในวันที่ 24 สิงหาคม

 สำหรับตนเองคิดว่าเรื่องราวไม่ควรมาถึงขนาดนี้ ควรจะคุยกันได้ตั้งแต่หลายเดือนที่แล้ว แต่ในเมื่อคุยกันไม่ได้ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ ส่วนเรื่องที่โพสต์ในไอจี ตนเองไม่ได้บอกว่าเป็นใคร แต่คู่กรณีเดินทางมาเอง จริงแล้วอยากให้น้องมาคุยกันตั้งแต่แรก เพราะคนในวงการเดียวกัน ตอนแรกเริ่มที่จะทำธุรกิจก็ตกลงกันด้วยใจ เวลาจะจบก็อยากให้จบด้วยใจ

ด้าน น.ส.อริสรา หรือดิว ซึ่งเดินทางมาพร้อมทนายความเช่นกัน เปิดเผยว่า ที่มาศาลเพราะ แสดงความบริสุทธิ์ใจ ที่ผ่านมาไม่ได้ออกมาพูดเพราะกลัวว่าจะมีเรื่องราวอื่นตามมา จึงอยากที่จะให้เข้าสู่กระบวนการศาลก่อนถึงจะออกมาพูด ในส่วนที่ยังไม่มีการคืนเงินให้กับหุ้นส่วนเพราะว่ามันยังติดอีกคดีหนึ่ง ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาล

สำหรับเรื่องดังกล่าวเกิดจากตนพร้อมพวกรวม 5 คนได้หุ้นกันเปิดร้าน แต่มีปัญหาเรื่องสถานที่ คือเจ้าของสถานที่ไม่ยอมส่งมอบให้ ทำให้ไม่สามารถเปิดร้านได้ ซึ่งอยู่ในระหว่างฟ้องร้องดำเนินคดี ตนจึงยังไม่ได้คืนเงินให้ เพราะอยากให้เรื่องดังกล่าวจบลงก่อน

ซึ่งหุ้นส่วนอีก 2 คนหนึ่งในนั้นคือหนูนา หนึ่งธิดา ก็เข้าใจ ซึ่งตนเองไม่ได้มีเจตนาที่จะไม่คืนเงิน เพราะตนเองถือหุ้นกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ ของเงินที่ลงทุนไปทั้งหมด คิดเป็นเงินประมาณ 1 ล้านกว่าบาท ก็ถือว่าเยอะ ซึ่งแตกต่างจากคู่กรณีที่ลงคนละ 10 เปอร์เซ็นต์หรือประมาณ 2 แสน ซึ่งต้องเห็นใจตนบ้าง ถ้าตนถือหุ้นเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ตนก็คงจะไม่อะไร เพราะไม่อยากมานั่งเสียเวลาฟ้องร้องเหมือนกัน ในขณะเดียวกันตอนแรกที่ตกลงที่จะทำธุรกิจกัน มันควรจะเป็นไปตามสัดส่วนของการถือหุ้น 

 

 

Bottom-BDMS Bottom-BDMS

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ