ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมพร ช่วยอารีย์ อาจารย์ประจำภาควิชาคณิตศาสตร์และวิทยาการคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ทำแบบจำลองการไหลของน้ำ โดยคำนวนจากสภาพที่ตั้ง พิกัดภูมิประเทศของบริเวณจุดเขื่อนแตก เมื่อคำนวนการไหลของปริมาณน้ำตามสภาพภูมิประเทศพบว่าพื้นที่น้ำท่วมหลักจะอยู่บริเวณ พื้นที่ลุ่มน้ำเซเปียน ต่อเนื่องถึงลุ่มน้ำเซกองตอนล่าง น้ำจากเขื่อนที่แตกอาจจะสะสมบริเวณตั้งแต่ หินลาด (Hinlat) สนามชัย (SanamXai) และเซมโป (Sempo) ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า ระดับน้ำอาจสูงถึง 13-15 เมตร
จากแบบจำลองการไหลของมวลน้ำ อาจารย์สมพร คาดการณ์ว่า มวลน้ำจะไหลค่อนข้างช้าเพราะทางตอนใต้ของ สปป.ลาวมีลักษณะภูมิประเทศเป็นแบบคอขวด ซึ่งการคาดการณ์ว่าน้ำจะท่วมนานนั้นมาจากการนำปริมาณน้ำจากเขื่อนที่แตกคือ 600 ล้านลูกบาศก์เมตร มาคิดพิจารณาโดยที่ไม่ได้พิจารณาน้ำอื่นๆที่มีอยู่ในระบบอยู่แล้ว แล้วจึงมาดูช่องที่ระบายน้ำนั้นจะออกได้อัตราเท่าไหร่ เมื่อเอาส่วนที่ระบายออกไปคำนวณดู น่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 20-30 วัน กว่าน้ำจะหมด แสดงว่าน้ำจะค่อยๆลดลงเรื่อยๆ อาจจะประมาณภายใน 3-5 วัน น้ำอาจจะลดลงแล้ว ถ้าฝนไม่ตกมาเพิ่มและไม่ตกในบริเวณเขื่อน และสามารถซ่อมแซมบำรุงเขื่อนที่แตกได้ก่อน ปริมาณน้ำก็อาจจะเพิ่มขึ้นไม่มาก แต่ถ้าไปไปตกในตำแหน่งที่เป็นพื้นที่ต้นน้ำ เป็นพื้นที่ลุ่มน้ำก็จะยิ่งทำให้การท่วมขังยาวนานต่อไปอีก ถ้าในช่วง 3-5 วันไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มชาวบ้านก็น่าจะเข้าไปในบ้าน ไปเก็บล้างทำความสะอาดบ้านได้ แต่ถ้าจะให้น้ำลดหมดคาดว่าน่าจะใช้เวลานาน
สำหรับการระบายน้ำนั้น อาจารย์สมพร ระบุว่า การระบายน้ำจะไหลตามธรรมชาติ คือ “แม่น้ำเซกอง” อย่างเดียว ไม่สามารถไปที่อื่นได้ ขณะที่น้ำที่จะไปกัมพูชานั้น คาดว่าจะมีการท่วมบ้างบางจุด แต่อาจจะไม่รุนแรงเท่าที่ลาวได้รับผลกระทบ คงไม่ท่วมมิดหลังคาแบบที่ลาว
อ่านข่าว
สรุปเหตุการณ์ “เขื่อนแตก” ที่ สปป.ลาว
วิกฤต!! สปป.ลาว เขื่อนแตก กว่า 6,000 คนไร้บ้าน
ย้อนรอยเหตุเขื่อนแตกครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์