การค้นพบครั้งนี้ มาจากการตรวจสอบภาพถ่ายจากดาวเทียมที่ชี้ให้เห็นว่า ทะเลน้ำแข็งที่มีความเก่าแก่ที่สุดในเขต “อาร์คติก” เริ่มละลายและถูกแทนที่ด้วยน้ำซึ่งกินพื้นที่ลึกเข้าไปหลายกิโลเมตร นับเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก
“นายวอล์ท ไมเยอร์” นักวิจัยอาวุโสด้านวิทยาศาสตร์ของศูนย์ข้อมูลหิมะและน้ำแข็งแห่งชาติของสหรัฐฯ กล่าวว่า ทะเลน้ำแข็งแถบตอนเหนือของกรีนแลนด์นี้ เกิดจากการสะสมของน้ำแข็ง ที่เคลื่อนตัวมาจากแถบไซบีเรีย และบดอัดกับน้ำแข็งที่มีอยู่เดิม จึงทำให้มันกลายเป็นทะเลน้ำแข็งที่มีความหนาแน่นมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก โดยมีความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 70 ฟุต ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อกันว่า ทะเลน้ำแข็งแถบนี้ คือหนึ่งในจุดที่น้ำแข็งจะละลายเป็นที่สุดท้ายของโลก แต่กลับเกิดขึ้นแล้วในปีนี้ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแม้แต่ในพื้นที่ที่น้ำแข็งมีความหนาแน่นมากที่สุดก็ไม่สามารถต้านทานอุณหภูมิที่สูงขึ้นได้
ไมเยอร์และทีมงานเปิดเผยว่า ปรากฏการณ์ครั้งนี้แม้ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ถือว่าเป็นส่วนเล็กๆ ของความเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์ ที่อาจไม่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างมากนัก แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงไปกว่านั้นก็คือ ทะเลน้ำแข็งพวกนี้ จะทำหน้าที่สะท้อนแสงและความร้อนจากดวงอาทิตย์ ให้กลับคืนสู่ชั้นบรรยากาศ แต่เมื่อน้ำแข็งละลายกลายเป็นน้ำทะเล นั่นหมายความว่าน้ำทะเลซึ่งมีสีเข้ม จะดูดซับความร้อนเอาไว้ ซึ่งจะทำให้อูณหภูมิในแถบขั้วโลกเหนือสูงขึ้นตามไปด้วย และเมื่อน้ำทะเลอุ่นหรือร้อนขึ้น ก็จะทำให้น้ำแข็งแถบขั้วโลกเหนือละลายเร็วขึ้นเช่นกัน
ติดตามข่าววันนี้ได้ที่นี่ >> //www.pptvhd36.com/special/ข่าววันนี้
