ภาพจำลองนี้แสดงให้เห็นในมุมของ น.ส.เขมณัฐ รุ่งเรืองวิสิทธิ์ คนขับรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ โดยเธออ้างว่า ก่อนถึงจุดเกิดเหตุ ได้เบี่ยงรถออกฝั่งซ้าย เข้าไหล่ทางหรือช่องฉุกเฉิน ด้วยความเร็ว 80 กม./ชม. ขณะขับมามองเห็นรถของผู้เสียชีวิตอยู่ข้างหน้า แต่คิดว่ารถกำลังวิ่งอยู่ตามปกติ ไม่ใช่จอดเสีย เพราะมองไม่เห็นสัญญาณไฟกะพริบท้ายรถ เมื่อเข้าไปใกล้ พยายามเหยียบเบรกแล้ว แต่ไม่ทัน จนหญิงที่ยืนอยู่หน้ารถกระเด็นตกลงจากทางด่วน แต่คำให้การทั้งหมด ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ
ด้าน นพ.ธนะพงศ์ จินวงศ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน หลังเห็นคลิปเหตุการณ์และบริบทถนนแล้ว วิเคราะห์ว่า ระยะจากจุดเกิดเหตุถึงจุดเบี่ยงซ้ายลงทางด่วน ห่างกันประมาณ 400-500 เมตร ดังนั้นการตัดสินใจถือว่าเร็วเกินไปที่จะเบี่ยงเข้าช่องซ้ายสุด เพื่อเตรียมลงทางด่วน ทั้งยังพบว่าคนขับได้ขับเข้าไหล่ทางหรือช่องฉุกเฉินห้ามรถวิ่ง โดยไม่มีเหตุจำเป็น ซึ่งตามกฎหมาย ถือว่ามีความผิด
ตามกฎหมาย แม้คนขับรถฟอร์จูนเนอร์จะถูกดำเนินคดีอาญา ข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ความตาย รวมทั้งขับรถในช่องทางห้ามขับแล้ว นาย สรัลชา ศรีชลวัฒนา เลขาธิการสภาทนายความ ระบุว่า ญาติผู้เสียชีวิตสามารถฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งมาตรา 420 ที่ระบุว่า ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลถึงแก่ชีวิต ใช้ค่าสินไหมทดแทน ส่วนข้ออ้างว่าขับรถตามกฎหมายกำหนดและรถคันหน้าไม่ได้เปิดกะพริบ จะช่วยบรรเทาลดโทษได้หรือไม่ อยู่ที่การหาลักฐานมาพิสูจน์ในชั้นศาล
จากสถิติการทางพิเศษแห่งประเทศไทยปี 2560 พบว่า มีรถเสียบนทางด่วนเฉลี่ยเดือนละกว่า 2,700 คัน เกิดอุบัติเหตุคล้ายกับเหตุการณ์เมื่อวานเฉลี่ย 2-3 ครั้งต่อปี ดังนั้นจึงแนะนำแนวทางสำหรับผู้ขับขี่ว่า หากรถเสีย ให้เปิดไฟกะพริบ โทร.ขอความช่วยเหลือตามเบอร์โทรฉุกเฉินขับรถเข้าช่องฉุกเฉินเปิดไฟกะพริบหมุนล้อรถเข้าหากำแพงแบริเออร์ป้องกันหากมีรถมาชนท้าย อันตรายมากสุดแค่ไถลเข้าขอบทาง คนขับและผู้โดยสารในรถควรรัดเข็มขัดให้แน่น เข้าเกียร์ P พร้อมดึงเบรกมือ และ และให้อยู่อย่างนั้นจนกว่าเจ้าหน้าที่จะมาถึงค่อยลงจากรถ
อ่านเพิ่มเติม : “หญิงขับฟอร์จูนเนอร์” ชน คนตกทางด่วน อ้างคู่กรณีไม่เปิดไฟฉุกเฉิน
อ่านเพิ่มเติม: สลด! สาวรถเสียบนด่วนฉลองรัช ถูกตีนผีชนซ้ำ กระเด็นตกพื้นล่างดับ
ติดตามข่าววันนี้ได้ที่นี่ >> //www.pptvhd36.com/special/ข่าววันนี้