สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นได้ทำการสำรวจก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมที่จะมีขึ้นในวันนี้ พบว่าพรรคเดโมแครตยังมีคะแนนนำพรรครีพับลิกัน ที่ 55 เปอร์เซนต์ ต่อ 42 เปอร์เซนต์ โดยผู้หญิงมากถึง 62 เปอร์เซนต์ ระบุว่า จะลงคะแนนเสียงให้กับผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต ขณะที่ 35 เปอร์เซนต์ ระบุว่า จะสนับสนุนผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน โดยปัจจัยที่ทำให้กลุ่มผู้หญิงสนับสนุนพรรคเดโมแครตเป็นเพราะประเด็นความไม่เท่าเทียมกันทางเพศ
ตรงกันข้ามกับกลุ่มผู้ชายที่ผลสำรวจพบว่าคะแนนนิยมของทั้งสองพรรคยังสูสี โดย 49 เปอร์เซนต์ของผู้ชายระบุว่าจะลงคะแนนนให้กับพรรครีพับลิกัน ส่วน 48 เปอร์เซนต์ระบุว่าจะลงคะแนนให้กับพรรคเดโมแครต
นอกจากนี้การสำรวจยังพบว่าวอเมริกันผิวดำและผู้ที่มีเชื้อสายละตินต่างสนับสนุนพรรคเดโมแครตในสัดส่วนที่สูงมาก คือ 88 เปอร์เซนต์ และ 60 เปอร์เซนต์ตามลำดับ
สำหรับการเลือกตั้งกลางเทอมซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นในวันนี้ เป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่ 435 ที่นั่ง วุฒิสมาชิก 35 จาก 100 ที่นั่ง ผู้ว่าการรัฐใน 39 รัฐ นอกจากนี้ ยังมีการเลือกตั้งระดับเขตอีกเป็นจำนวนมาก
ในส่วนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 435 ที่นั่งนั้น ปัจจุบัน พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก 235 ที่นั่ง ตามด้วยพรรคเดโมแครต 193 ที่นั่ง ขณะที่สัดส่วนในวุฒิสภาสหรัฐฯ จากทั้งหมด 100 ที่นั่ง เป็นรีพับลิกัน 51 ที่นั่ง และเดโมแครต 47 ที่นั่งชาวอเมริกันผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งจะออกไปลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ ซึ่งผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุด พบว่าผู้หญิงส่วนใหญ่จะเทคะแนนเสียงให้พรรคเดโมแครตมากกว่าพรรครีพับลิกัน โดยมีปัจจัยเรื่องปัญหาความไม่เท่าเทียมทางเพศ
การเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ หรือ Midterm elections ในวันนี้ จะไม่มีผลเปลี่ยนแปลงตัวผู้นำสหรัฐฯ แต่ก็นับว่ามีนัยยะสำคัญ เพราะเปรียบได้กับการทำประชามติตัดสินผลงานช่วง 2 ปีแรกของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ และยังสามารถชี้ชะตาอนาคตรัฐบาล "ทรัมป์" ในช่วง 2 ปีที่เหลือจากนี้ด้วย
โดยจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่ทั้งหมด 435 ที่นั่ง วุฒิสมาชิกอีก 35 ที่นั่ง จากทั้งหมด 100 ที่นั่ง และผู้ว่าการรัฐใน 36 รัฐ จากทั้งหมด 50 รัฐ นอกจากนี้ ยังมีการเลือกตั้งระดับเขตอีกเป็นจำนวนมาก
ปัจจุบัน พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากทั้ง 2 สภา (สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา) แต่หากครั้งนี้ พรรคเดโมแครตคว้าที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรได้อีก 23 ที่นั่ง และอีก 2 ที่นั่งในวุฒิสภา ก็จะควบคุมเสียงข้างมากในสภาคองเกรสได้ ซึ่งจะทำให้รัฐบาลทรัมป์ไม่สามารถทำอะไรได้สะดวกเหมือนที่ผ่านมา
ในอดีตที่ผ่านมา พรรคของประธานาธิบดีที่มีคะแนนนิยมน้อย มักจะเสียที่นั่งในรัฐสภาในการเลือกตั้งกลางเทอม เว้นแต่ว่าสามารถทำให้เศรษฐกิจเติบโตแข็งแกร่งได้ แต่สำหรับกรณีนี้ แม้ว่ารัฐบาลทรัมป์จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวจนอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แต่ประชาชนจำนวนมากกลับไม่พอใจในนโยบายด้านอื่นๆ โดยเฉพาะนโยบายคนเข้าเมือง รวมถึงการวางตัวของเขา โดยปัจจุบัน คะแนนนิยมของทรัมป์ลดลงมาอยู่ที่ 40%
ล่าสุด สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นได้ทำการสำรวจก่อนการเลือกตั้ง พบว่า พรรคเดโมแครตยังมีคะแนนนำพรรครีพับลิกัน ที่ 55 เปอร์เซนต์ ต่อ 42 เปอร์เซนต์ โดยผู้หญิงมากถึง 62 เปอร์เซนต์ ระบุว่า จะลงคะแนนเสียงให้กับผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต โดยปัจจัยที่ทำให้กลุ่มผู้หญิงสนับสนุนพรรคเดโมแครตเป็นเพราะประเด็นความไม่เท่าเทียมกันทางเพศ
ตรงกันข้ามกับกลุ่มผู้ชาย ที่ผลสำรวจพบว่า คะแนนนิยมของทั้งสองพรรคยังสูสี โดย 49 เปอร์เซนต์ของผู้ชายจะลงคะแนนนให้กับพรรครีพับลิกัน ส่วน 48 เปอร์เซนต์จะลงคะแนนให้กับพรรคเดโมแครต
นอกจากนี้ การสำรวจยังพบว่าชาวอเมริกันผิวสีและผู้ที่มีเชื้อสายละตินต่างสนับสนุนพรรคเดโมแครตในสัดส่วนที่สูงมาก คือ 88 เปอร์เซนต์ และ 60 เปอร์เซนต์ ตามลำดับ
ด้านผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ท้ายที่สุดแล้ว พรรคเดโมแครตจะครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯได้สำเร็จ ขณะที่รีพับลิกันน่าจะยังครองเสียงข้างมากแบบเฉียดฉิวในวุฒิสภาต่อไป