กว่า 70 ปี ที่ประชาธิปัตย์ คร่ำหวอดอยู่ในวงการการเมืองไทย ถือเป็นพรรคที่เก่าแก่ที่สุด และดูเหมือนตอนนี้อาจเป็นพรรคเนื้อหอมที่สุด เพราะมีกระแสข่าวตลอดมาว่าพรรคที่ใช้ชื่อเดียวกันนโยบายรัฐบาลปัจจุบัน ต้องให้พรรคเก่าแก่นี้ร่วมเป็นพันธมิตรสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ขณะที่ฝ่ายไม่ต้องการสนับสนุนการสืบทอดอำนาจของรัฐบาล คสช.ผ่านพรรคการเมือง ก็อยากเห็นภาพการจับมือกันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์และซีกพรรคเพื่อไทยด้วยเช่น
กระแสข่าวทาบทามพรรคประชาธิปัตย์สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ แม้ไม่มีใครยอมรับว่าจริงแต่ก็อาจวิเคราะห์ได้ว่า ฝ่ายผู้มีอำนาจต้องการให้ ประชาธิปัตย์ สนับสนุน แม้จะมี ส.ว.ร่วมโหวตอยู่แล้ว 250 เสียง แต่หากต้องการเสถียรภาพ พรรครัฐบาลต้องมีเสียง ส.ส.ในสภามากกว่า 251 เสียงเช่นกันแม้จะยืนยันหนักแน่นมาตลอด ว่า ต้องการเป็นทางเลือกหลักของประชาชน แต่ก็ยากที่จะปฎิเสธว่า ภาพลักษณ์ของพรรคเก่าแก่แห่งนี้และความสัมพันธ์ในอดีต ทำให้ถูกมองว่ามีแนวโน้มสูงที่จะสนับสนุน คสช.หลังการเลือกตั้งมากกว่าการไปจับมือกับซีกพรรคเพื่อไทย
โจทย์ใหญ่ของ นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หลังชนะการหยั่งเสียง ได้หวนคืนเก้าอี้ หัวหน้าพรรคอีกครั้ง จึงหนีไม่พ้น ขจัดภาพลักษณ์ ด้วยการประกาศจุดยืน ไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ตามสโลแกนที่หมายมั่นปั้นมือ ว่า ผมจะไม่เกรงใจใคร
ตามมาด้วยการย้ำว่า นโยบายของรัฐบาลปัจจุบันไม่ตรงกับแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่สามารถร่วมกันได้ หรือ หากจะร่วม ก็ต้องปรับเปลี่ยนให้ตรงกัน
แม้ว่าพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่ชนะการเลือกตั้งมานานกว่า 20 ปี แต่ภายใต้การนำของอภิสิทธิ์ ก็ทำให้คะแนนของพรรคขยับขึ้นมาสูงถึงกว่า 10 ล้านเสียง และถึงเป็นยุคที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์กวาดที่นั่งในสภาได้มากกว่า 150 ที่นั่ง หลังก่อนหน้านี้ไม่เคยได้คะแนนสูงเท่านี้มาก่อน แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้ประชาธิปัตย์ได้ที่นั่งมาเป็นลำดับที่ 1 เพื่อเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องเพิ่งพากลยุทธ์ทางการเมืองทั้งในและนอกสภา เป็นตัวช่วย
ติดตามข่าววันนี้ได้ที่นี่ >> //www.pptvhd36.com/special/ข่าววันนี้