เปิดคําพิพากษา “ลูกค้ากรุงไทย” แพ้คดี ถูกปลอมลายมือเบิกเงิน 8 ล้านบาท


โดย PPTV Online

เผยแพร่




กรณีลูกค้าธนาคารใน จ.นครสวรรค์ ร้องเรียกธนาคารกรุงไทยสำนักงานใหญ่ อ้างว่า ถูกเพื่อนที่ไม่ใช้เจ้าของบัญชีปลอมลายเซ็นในใบมอบฉันทะ แล้วถอนเงินไปจากบัญชีไปจำนวนกว่า 8 ล้านบาท โดยลูกค้าได้ยื่นฟ้องธนาคารในคดีความแพ่งต่อศาลชั้นต้น ซึ่งศาลชั้นต้นได้พิจารณาและมีคำพิพากษายกฟ้อง ต่อศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาและมีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นยกฟ้องเช่นกัน เวลาผ่านมา 10 ปี คดียังอยู่ในการพิจารณาของศาลฎีกา

วันนี้ (17 ม.ค.62) นายเอกวิชช์ เกษเจริญ ลูกค้าของธนาคารกรุงไทย สาขาสวรรค์วิถี อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ เปิดใจกับผู้สื่อข่าวพีพีทีวี พร้อมเอกสารหลักฐานต่าง ๆ เช่น ผลการตรวจจากกองพิสูจน์หลักฐานกลาง ลายมือในใบมอบฉันทะ ใบถอนเงิน และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ที่ระบุว่าไม่ใช่ลายมือของนายเอกวิชช์ รวมถึงระเบียบปฎิบัติข้อบังคับ ห้ามถอนเงินต่างสาขากรณีมอบฉันทะ ที่ยังเป็นข้อสงสัยของนายเอกวิชช์ ว่าธนาคารให้บุคคลอื่นถอนเงินออกจากบัญชีไปได้อย่างไร

โดยเรื่องนี้เริ่มจาก นายเอกวิชช์ กับคู่กรณีคือ ส.ท.คนหนึ่งใน จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กและเปิดกิจการร่วมค้า เพื่อรับงานโครงการก่อสร้างถนนสาย ก.เทศบาลนครนครสวรรค์ พร้อมเปิดบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาสวรรค์วิถี โดยมีนายเอกวิชช์ เป็นผู้มีอำนาจในเบิกถอนแต่เพียงผู้เดียว นายเอกวิชช์ อ้างว่า คู่กรณีเป็นคนไปรับเช็คจากเทศบาลนครนครสวรรค์ แล้วนำไปเข้าบัญชี จากนั้นวันที่ 10 กันยายน 2551 และวันที่ 3 ตุลาคม 2551 ถูกคู่กรณีปลอมลายเซ็นใบมอบฉันทะ ใบถอนเงินธนาคาร และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ไปถอนเงินจากธนาคารกรุงไทย สาขาปากน้ำโพ ซึ่งเป็นการถอนเงินต่างสาขา แต่ธนาคารกลับให้ถอนเงินไปสองครั้ง รวมกว่า 8 ล้านบาท

นายเอกวิชช์ ระบุว่า หลังทราบเรื่องก็มีการพูดคุยกัน คู่กรณีบอกว่าจะนำเงินมาคืนให้ แต่ไม่เป็นไปตามตกลง จึงเกิดการฟ้องร้องฐานปลอมแปลงและใช้เอกสารปลอม และฟ้องธนาคารกรุงไทยในคดีความแพ่ง ฐานปล่อยปละละเลย ไม่ดำเนินการตามระเบียบข้อบังคับการฝากถอนเงิน ต่อมาเดือนตุลาคม 2556 ศาลจังหวัดนครสวรรค์ศาลยกฟ้องคู่กรณี โดยเห็นว่ารายงานการตรวจตัวอย่างลายมือของนายเอกวิชช์ ในเอกสารต่าง ๆ จากกองพิสูจน์หลักฐานกลาง ไม่มีน้ำหนักและเห็นว่าผู้เชี่ยวชาญมีพิรุธและไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ และเชื่อว่าอาจยินยอมให้ลงลายมือแทนกันได้ เพื่อใช้หนี้คู่กรณี

ทั้งนี้ส่วนคดีแพ่ง ที่นายเอกวิชช์ ยื่นฟ้องธนาคารกรุงไทย สาขาปากน้ำโพ ปล่อยปละละเลยไม่ดำเนินการตามระเบียบ ศาลจังหวัดนครนครสวรรค์ ก็ยกฟ้อง ต่อมาศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น โดยศาลเชื่อคำให้การเจ้าหน้าที่ธนาคาร กรณีมอบฉันทะถอนเงินต่างสาขา สามารถทำได้ ไม่จำเป็นต้องแจ้งเจ้าของบัญชีก่อน เพราะกรณีนี้เป็นการโอนเงินจากบัญชีไปอีกบัญชีหนึ่ง พร้อมมีการประทับตรา ห้างหุ้นส่วนของบริษัทและลายเซ็นในเอกสารต่าง ๆ แต่หากเป็นกรณีมอบฉันทะและถอนเงินสด  และต่างสาขา ไม่สามารถทำได้

อย่างไรก็ตามแม้ข้อตกลงและเงื่อนไข ในการเปิดบัญชี จะไม่มีข้อความว่า เจ้าของบัญชีสามารถมอบฉันทะให้บุคคลอื่นถอนเงินแทนได้ แต่ระเบียบวิธีปฏิบัติของธนาคาร ธนาคารก็ยินยอมให้มีการมอบฉันทะมาถอนเงินแทนได้ และในแบบฟอร์มใบถอนเงินด้านหลัง ก็มีช่องมอบฉันทะ ล่าสุดคดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา

ขณะที่ธนาคารกรุงไทย สำนักงานใหญ่ ระบุว่า เมื่อศาลมีคำพิพากษาฎีกาออกมา ธนาคารก็พร้อมปฏิบัติตาม และที่ผ่านมา ธนาคารกรุงไทย ได้ชี้แจงกระบวนการตรวจสอบและให้ข้อมูลกับลูกค้ามาต่อเนื่อง รวมทั้งไม่เคยละเว้นการดำเนินคดีผู้กระทำความผิดต่อธนาคาร ในฐานะธนาคารพาณิชย์ของรัฐ ได้ยึดมั่นในการปฏิบัติงานตามหลักบรรษัทภิบาล ดำเนินงานอย่างมืออาชีพ ด้วยความซื่อสัตย์และโปร่งใส

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ