สำหรับข้อมูลนายพล จ. ที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ออกมาเปิดเผย นอกจากการบอกว่า จ. คือ อักษรย่อชื่อเล่น แต่ชื่อจริงของนายพลคนนี้ขึ้นด้วย ก. และคุมเป็นเบอร์ 1 หน่วยงานด้านไซเบอร์ของตำรวจ
นายชูวิทย์ บอกเพิ่มเติมว่า การมาคุมหน่วยงานไซเบอร์ของนายพล จ. มาในสมัยของพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เป็นผบ.ตร. แถมยังมีชื่อเป็นประธานหนึ่งในบริษัทของสารวัตรซัวอีกด้วย
"ชูวิทย์" ชำแหละ 10 ธุรกิจเครือข่าย "สารวัตรซัว"
ผบ.ตร.สั่งสอบเส้นทางเงิน "สารวัตรซัว" ขอเวลาสืบเอี่ยวพนันออนไลน์หรือไม่
นายชูวิทย์ คาดว่า นายพล จ. รู้ตัวแล้ว เพราะพยายามโทรติดต่อตนตลอด แต่ตนยังไม่รับสาย เพราะต้องการเลือกคุยกับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือผบ.เด่น ซึ่งวันนี้ได้คุยกัน และขอให้ผบ.เด่น เร่งตรวจสอบพฤติกรรมของสารวัตรซัว และ นายพล จ.โดยด่วน เพื่อเรียกศรัทธาหน่วยงานตำรวจกลับคืนมายังความรู้สึกของประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีหลักฐานอะไรที่แสดงถึงความเชื่อมโยงของ สารวัตรซัว และนายพล จ. แถมยังไปกล่าวหาว่ามีการรับผลประโยชน์กัน นายชูวิทย์ อธิบายว่า ความเชื่อมโยงของทั้งคู่แทบจะเป็นใบเสร็จในตัว ทั้งคู่มีความเชื่อมโยงกันโดยสารวัตรซัวเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องจบจากโรงเรียน ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัยฯเหมือนกัน นายพล จ. จบมาแล้วเป็นตำรวจเหมือนกัน แถมสารวัตรซัว ยังเคยถูกส่งไปเป็นลูกน้องของนายพล จ. ภายในหน่วยงานไซเบอร์ที่นายพล จ. คุมอยู่
หากย้อยไปดูหนึ่งในบริษัทของสารวัตรซัว จะพบว่า มีชื่อนายพล จ.เป็นประธานบริษัทอยู่ และตลอดเส้นทางราชการทั้งคู่มีพฤติกรรมดูแลเกื้อหนุนกันมาตลอด ข้อมูลทั้งหมดได้ส่งให้กับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางทำงานต่อแล้ว
นายชูวิทย์ ยอมรับว่า การเอ่ยชื่อพาดพิง นายพล จ. มีความเสี่ยง และตัวเองอาจถูกฟ้องร้องดำเนินคดีในไม่ช้า แต่ก็พร้อมยอมรับว่า เพราะเข้าใจดีว่า “นักรบย่อมมีบาดแผล” แต่ภารกิจของตัวเองสำคัญมากกว่า คือ การทำให้สังคมรับรู้ถึงเครือข่ายสีเทาในระบบราชการ โดยเฉพาะตำรวจ
อีกด้านวันนี้ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อ นายพล จ. ที่ถูกพาดพิง โดยเบื้องต้นนายพล จ. ไม่สามารถให้สัมภาษณ์เรื่องนี้อย่างเป็นทางการได้ แต่อธิบายสั้นๆว่า ตัวเองกับนายชูวิทย์รู้จักกันดี ข้อมูลที่นายชูวิทย์ได้รับมายังมีความคลาดเคลื่อนและเข้าใจผิดหลายประเด็น